ประวัติบริษัท
2564
จัดตั้งบริษัท บีเอฟทีแซด บางปะกง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนสัดส่วนร้อยละ 50:50 ร่วมกับบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาพื้นที่และธุรกิจประเภทกิจการคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า รวมถึงพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกและฑุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
เข้าลงทุนในบมจ. เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการเงินและหลักทรัพย์
ปี 2562
ลงทุนเพิ่มใน Standard International กว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ส่งผลให้แสนสิริกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของแบรนด์โรงแรมระดับโลก โดยถือหุ้นกว่า 60% เพื่อช่วยส่งเสริมรายได้และการเติบโตทางธุรกิจให้กับทางแสนสิริ นอกเหนือจากธุรกิจหลัก
ปี 2561
องค์การยูนิเซฟยกระดับแสนสิริเป็น UNICEF’s Selected Partner จากการเป็นองค์กรที่มีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือเด็กอย่างจริงจัง และยั่งยืนตลอดช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับเลือกให้เป็นพันธมิตรแรกขององค์การยูนิเซฟในประเทศไทย ที่มีรายชื่ออยู่บนเว็บไซต์สากลของยูนิเซฟ เทียบ 20 องค์กรชั้นนำระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ปี 2560
จัดตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกับบริษัทโตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและพัฒนา Community ร่วมกัน
ร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้ง Venture Capital ในชื่อ บริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างแสนสิริ และ SCB 90:10 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อลงทุนและพัฒนาในนวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคต และการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยหรือ “พร็อพเพอร์ตี้ เทคโนโลยี” (Property Technology) อย่างเต็มรูปแบบรายแรกของไทย
ขยายฐานการลงทุนในธุรกิจอื่น ใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลก เพื่อสร้างพันธมิตรในประเภทธุรกิจอันหลากหลาย โดยทั้ง 6 ธุรกิจล้วนมีอัตราการเติบโตสูงในตลาดโลกซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของแสนสิรินอกประเทศไทย และส่งเสริมธุรกิจหลักของแสนสิริ ประกอบด้วย Standard International, One Night, Hostmaker, Justco, Farmshelf และ Monocle
ปี 2559
แสนสิริเปิดตัวโครงการแฟลกชิปคอนโดมิเนียม '98 ไวร์เลส' บนถนนวิทยุ มูลค่ากว่า 8,500 ล้านบาท
ปี 2557
จัดตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกับบมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า
ปี 2556
แสนสิริประกาศเปิดตัว ‘ESCAPE, Sansiri Hotel Collection’ (เอสเคป, แสนสิริ โฮเทล คอลเลคชั่น) แบรนด์ดีไซน์รีสอร์ทระดับกลาง ที่หัวหินและเขาใหญ่
ปี 2555
แสนสิริขยายการพัฒนาโครงการออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน ขอนแก่น พัทยา และเขาใหญ่
ปี 2553
บริษัท ที.เอส.สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภท Holding Company โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ) เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทดังกล่าว ได้ทำการซื้อหุ้นจากกองทุนต่างชาติ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 318,174,400 หุ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแสนสิริจากเดิมร้อยละ 2.52 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 24.10 ของทุนที่เรียกชำระแล้ว ส่งผลให้กลุ่มนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับแรกของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 เป็นต้นมา
ปี 2550
โครงการบ้านแสนสิริ สุขุมวิท ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับสูงของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล ”Asia’s Best Residential Project of the year 2006” จาก Asia Pacific Commercial Real Estate Award
ปี 2545 - 2546
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลงทุนเพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงแรม อพาร์ตเมนต์ และอาคารพาณิชย์ให้เช่า ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางย่านธุรกิจที่สำคัญ โดยเป็นการลงทุนโดยตรงและในรูปแบบการเข้าถือหุ้นและร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ
ปี 2544
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวแห่งแรก คือ โครงการนาราสิริ วัชรพล
ปี 2543
"บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆที่ทำการปรับโครงสร้างหนี้เสร็จสิ้นภายหลังจากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2540
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ จากเดิมที่เป็นการพัฒนาอาคารสูงในเขตใจกลางเมืองไปสู่การพัฒนาที่ดินแนวราบ อันได้แก่ โครงการบ้านจัดสรร และมีการขยายโครงการจัดสรรบ้านและที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ปี 2541
แสนสิริ ได้ขยายการประกอบธุรกิจไปยังด้านงานบริหารอาคาร บริหารทรัพย์สินและการขาย โดยจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว ภายใต้ชื่อบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด อันส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทครอบคลุมครบวงจรมากยิ่งขึ้น และส่วนหนึ่งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มอันเป็นการส่งเสริมโครงการที่อยู่ในการพัฒนาของบริษัทฯ ด้วย
เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกของประเทศไทยที่ได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพ ISO 9001 : 2000 จาก BVQI
ปี 2540
ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจขายโครงการทั้งหมดออกสู่ตลาดและดำเนินการแก้ไขและชำระหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่อย่างรวดเร็ว
ปี 2539
หุ้นสามัญของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเริ่มทำการซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2539 เป็นต้นไป พร้อมทั้งจัดตั้งบริษัทในเครือ คือ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ปี 2538
จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ในนาม “บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2538 และเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นอีก 100 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 645.5 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 10 ล้านหุ้นเพื่อทำการเสนอขายต่อประชาชน
ปี 2537
ถือหุ้นของกลุ่มล่ำซำได้เข้ามาถือหุ้นจำนวนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท แสนสำราญ โฮลดิ้ง จำกัด และได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท แสนสิริ จำกัด”
ปี 2536
บริษัท แสนสำราญ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดตัวโครงการอาคารพักอาศัยระดับแฟลกชิป “บ้านแสนสิริ” ในซอยมหาดเล็กหลวง 2 ถนนราชดำริ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 615 ล้านบาท
ปี 2531
บริษัท แสนสำราญ จำกัด ได้เริ่มเข้าสู่ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการแรก คือ โครงการบ้านไข่มุก ซึ่งเป็นอาคารชุดริมหาดหัวหิน มีมูลค่าต้นทุนโครงการประมาณ 250 ล้านบาท และประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้บริษัท แสนสำราญ โฮลดิ้ง จำกัด ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้สึกของลูกค้าในด้านของการพัฒนาโครงการคุณภาพในตลาดระดับสูง
ปี 2527
จดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัท จำกัด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2527 ในนามบริษัท แสนสราญ โฮลดิ้ง จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1,000,000 บาท โดยมีผู้เริ่มก่อตั้งบริษัท คือ กลุ่มจูตระกูล และมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์