ร่วมทุนกับบริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน

ขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท Standard International ให้กับกลุ่ม Hyatt ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงแรมระดับโลก เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนและมุ่งเน้นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

สร้างสถิติสูงสุดใหม่ในประวัติกาลด้วยรายได้รวม 39,082 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,060 ล้านบาท ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่พิสูจน์ความเป็นที่ 1 ของการเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทย

ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการปิดการขายโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา มูลค่า 6,100 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน

• เข้าลงทุนในบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการเงินและหลักทรัพย์
• จัดตั้งบริษัท บีเอฟทีแซด บางปะกง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนสัดส่วนร้อยละ 50:50 ร่วมกับบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาพื้นที่และธุรกิจประเภทคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า

ลงทุนเพิ่มใน Standard International กว่า 4 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่งผลให้บริษัทฯ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของแบรนด์โรงแรมระดับโลก โดยถือหุ้นกว่า 60%

• แสนสิริตั้งสำนักงานขายใน สิงค์โปร์ ฮ่องกง และ 4 เมืองใหญ่ของจีน ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรกที่ขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
• ร่วมทุนกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน
• ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจไลฟ์สไตล์ในระดับโลก ผ่านการลงทุนประมาณ 58.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 35% ใน Standard International ซึ่งเป็นบริษัทบริหารโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ที่มีแบรนด์ดังอย่างโรงแรม The Standard

เปิดตัวโครงการ 98 Wireless คอนโดมิเนียมแฟลกชิปตลอดกาล มูลค่า 8,500 ล้านบาท เป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราและการออกแบบที่พิถีพิถัน

ร่วมทุนกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า

ขยายการพัฒนาโครงการไปยังภูมิภาคอื่นๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และพัทยา เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในระดับภูมิภาค

เปิดตัวโรงงานผลิตแผ่นพรีคาสท์แห่งแรกของแสนสิริ ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อยกมาตรฐานคุณภาพด้านงานก่อสร้าง และ บริหารจัดการ Supply Chain ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แสนสิริประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวโครงการแรก คือโครงการนาราสิริ วัชรพล

แสนสิริขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจครั้งใหญ่ จากเดิมที่พัฒนาแต่คอนโดมิเนียม ไปสู่การพัฒนาโครงการแนวราบ

• หุ้นสามัญของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเริ่มทำการซื้อขายวันที่ 19 กรกฎาคม 2539
• จัดตั้งบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด) เป็นผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์

จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ในนาม “บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2538 และเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 100,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 10 ล้านหุ้น เพื่อทำการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป

แสนสำราญ เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แสนสิริ จำกัด

แสนสำราญเปิดตัวโครงการแรก คือ “โครงการบ้านไข่มุก” ซึ่งเป็นอาคารชุดริมหาดหัวหิน มูลค่า 250 ล้านบาท โดยโครงการประสบความสำเร็จอย่างสูงทำให้บริษัทฯ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในด้านการพัฒนาโครงการคุณภาพในตลาดระดับบน

จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท แสนสำราญ โฮลดิ้ง จำกัด (แสนสำราญ) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2527 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1,000,000 บาท เพื่อเริ่มต้นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์