15 สิงหาคม 2543

งบการเงินไตรมาสที่ 2/2543

- ตั๋วสัญญาใช้เงิน - - 427,182 - หัก เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร (17,032) (46,405) (13,906) (61,272) เงินลงทุนระยะสั้น - เงินฝากประจำที่ ติดภาระค้ำประกัน (2,694) (2,426) (2,425) (1,969) เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 288,769 738,691 542,178 (43,336) เงินฝากประจำที่ติดภาระค้ำประกันเป็นเงินประกันหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคาร หมายเหตุ 6 - ลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บ - สุทธิ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 มูลค่าการซื้อขายที่ได้มีการทำสัญญาแล้ว 2,665,261 2,665,261 1,155,366 1,155,366 ยอดขายรวมของโครงการ 2,676,799 2,676,799 1,166,904 1,166,904 อัตราส่วนของมูลค่าซื้อขายที่ได้มีการขาย 99.57 % 99.57 % 99.01 % 99.01 % มูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บและค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 ค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ 2,665,553 2,665,553 1,171,590 1,171,590 หัก เงินรับชำระแล้ว (2,662,089) (2,662,089) (1,171,590) (1,171,590) ลูกหนี้ค่างวดที่ค้างชำระ 3,464 3,464 - - ลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บ - สุทธิ ประกอบด้วย งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 ค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ 2,665,553 2,665,553 1,171,590 1,171,590 หัก การรับรู้รายได้ (2,678,165) (2,678,165) (1,171,590) (1,171,590) บวก รายได้จากลูกหนี้ยึดเงินจอง 12,612 12,612 - - - - - - รายการดังกล่าวประกอบด้วย มูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บ - - - - ค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ - - - - - - - - ค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ 3,464 3,464 - - มูลค่างานเสร็จและบริการยังไม่ได้ เรียกเก็บ - 308 - - ลูกหนี้ค่าบริการ 13,835 9,461 24,343 24,834 รวมลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและ มูลค่างานที่เสร็จและงานบริการยัง ไม่ได้เรียกเก็บ 17,229 13,233 24,343 24,834 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,804) (7,058) (1,323) (2,105) รวมลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่า งานที่เสร็จและงานบริการยังไม่ได้ เรียกเก็บ - สุทธิ 11,495 6,175 23,020 22,729 บริษัทมีลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่างานที่เสร็จและงานบริการยังไม่ได้เรียกเก็บ - สุทธิ แยกตามอายุหนี้ที่ ค้างชำระได้ดังนี้ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 มูลค่างานที่เสร็จและงานบริการ ยังไม่ได้เรียกเก็บ - 308 - - มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน 10,638 5,719 3,405 3,260 มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน 531 467 44 - มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน 455 278 - - มากกว่า 12 เดือนขึ้นไป 5,675 6,461 20,894 21,574 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,804) (7,058) (1,323) (2,105) สุทธิ 11,495 6,175 23,020 22,729 หมายเหตุ 7 - เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิประกอบด้วย (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 บริษัทย่อย บริษัท ชนชัย จำกัด - - 239,849 129,649 บริษัท แสนภิญโญ จำกัด - - 141,012 141,012 บริษัท ปราคาร จำกัด - - 51,263 51,263 บริษัท ชัยนาท จำกัด - - 254,643 232,948 บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน บริษัท รีเจนซี่ วรรณ จำกัด 5,000 5,000 - - รวม 5,000 5,000 686,767 554,872 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (5,000) (250,000) (250,000) สุทธิ - - 436,767 304,872 บริษัทให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ MLR ต่อปี เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันเป็นเงินให้กู้ยืมที่บริษัทย่อย คือ บริษัท ชนชัย จำกัด ให้กู้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยคิด ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ MLR ต่อปี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2543 เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระ ได้ดังนี้ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เมื่อทวงถาม - - 686,767 - มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน - - - - มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน - - - - มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน - - - - มากกว่า 12 เดือน ขึ้นไป 5,000 333 - 13,637 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (333) (250,000) - สุทธิ - - 436,767 13,637 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระ ได้ดังนี้ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เมื่อทวงถาม - - 554,872 - มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน - - - - มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน - - - - มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน - - - 1,556 มากกว่า 12 เดือน ขึ้นไป 5,000 333 - 12,081 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (333) (250,000) - สุทธิ - - 304,872 13,637 หมายเหตุ 8 - การตีราคาที่ดินรอการพัฒนา ในปี 2542 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาใหม่ โดยผู้ประเมินราคาอิสระซึ่งได้รับความเห็นชอบ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยใช้วิธีเปรียบเทียบราคาตลาด สินทรัพย์ส่วนที่ตี ราคามีดังนี้ ราคาทุน ราคาที่ตีใหม่ ส่วนเกินทุนจากการ ตีราคาที่ดิน บาท บาท บาท ที่ดินรอการพัฒนา : บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 8,197,823.44 37,548,000.00 29,350,176.56 หัก โอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ (8,197,823.44) (37,548,000.00) (29,350,176.56) รวม - - - ที่ดินรอการพัฒนา : บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 110,406,452.36 609,600,000.00 499,193,547.64 บริษัท ปราคาร จำกัด 33,373,390.00 126,420,000.00 93,046,610.00 143,779,842.36 736,020,000.00 592,240,157.64 หัก การปรับโครงสร้างหนี้ (ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 11) (143,779,842.36) (736,020,000.00) (592,240,157.64) รวม - - - ในปี 2542 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาซึ่งลดลง ดังนี้ ราคาทุน ราคาที่ตีใหม่ ขาดทุนจากการ ตีราคาที่ดิน บาท บาท บาท ที่ดินรอการพัฒนาของบริษัท ชนชัย จำกัด 108,483,464.44 107,231,300.00 1,252,164.44 หัก โอนสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้ (69,951,266.19) (69,875,800.00) (75,466.19) 38,532,198.25 37,355,500.00 1,176,698.25 หัก ค่าเผื่อการลดมูลค่าที่ดิน (ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 21) ( - ) (26,170,817.87) 26,170,817.87 รวมที่ดินรอการพัฒนาคงเหลือ 38,532,198.25 11,184,682.13 27,347,516.12 หมายเหตุ 9 - เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2543 และ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 ประกอบด้วย (หน่วย : พันบาท) ผลขาดทุนส่วนล้ำ ทุนชำระแล้ว สัดส่วน วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เงินลงทุน ประเภทธุรกิจ บริษัทย่อย 2543 2542 เงินลงทุน 2543 2542 2543 2542 2543 2542 บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 11,000 11,000 99% 14,490 14,490 220,547 456,362 - - ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ชนชัย จำกัด 90,000 90,000 99% 101,524 101,524 - - (800,572) (626,232) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ชัยนาท จำกัด 30,000 30,000 99% 51,950 51,950 - - (327,225) (347,465) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ปราคาร จำกัด 1,000 1,000 99% 1,000 1,000 23,543 75,353 - - ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด 10,000 10,000 99% 10,000 10,000 11,331 9,785 - - บริหารอาคารสำนักงาน และอาคารชุด บริษัท พอยท์ เอเซีย แอ็คเซ็ส จำกัด 10,000 - 55% 5,500 - 5,222 - - - ให้บริการอินเตอร์เน็ตและ กิจการโทรคมนาคม รวมเงินลงทุนในบริษัทย่อย 184,464 178,964 260,643 541,500 (1,127,797) (973,697) บริษัทร่วม บริษัท คาเธ่ย์ แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด 25,000 25,000 20% 6,000 6,000 11,884 6,400 - - ที่ปรึกษาทางการเงินลงทุน กองทุนรวมสตาร์วูดไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ 1 604,421 701,194 25% 150,862 178,930 94,975 171,177 - - กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจ ของสถาบันการเงิน รวมเงินลงทุนในบริษัทร่วม 156,862 184,930 106,859 177,577 - - บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน บริษัท รีเจนซี่ วรรณ จำกัด 200,000 200,000 10% 20,000 20,000 - - - - หัก ค่าเผื่อการลดมูลค่า (20,000) (20,000) - - - - รวมเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ - - - - - - รวมเงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ 341,326 363,894 367,502 719,077 - - ในปี 2543 บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทร่วม (ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 2) บริษัทมีลักษณะความสัมพันธ์โดยการถือหุ้นและ/หรือมีคณะกรรมการบางท่านร่วมกันกับกิจการที่เกี่ยวข้องกันข้างต้น เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542 บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2542 ได้มีมติให้บริษัทลงทุนในกองทุนรวม Starwood Thailand Property Fund 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2542 บริษัทได้ลงทุนในกองทุนดังกล่าวร้อยละ 25 เป็นเงินจำนวน 178.93 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือลงทุนในสิทธิเรียกร้อง ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน และจัดการผลประโยชน์จาก อสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิเรียกร้องดังกล่าว ซึ่งได้ประมูลสินทรัพย์หลักกลุ่มที่ 12 ที่มีมูลค่าประมาณ 2,244 ล้านบาท จากองค์การเพื่อปฏิรูประบบสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงินประมาณ 680.63 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2543 กองทุนรวมดังกล่าวได้ลดจำนวนหน่วยลงทุนลงเป็นผลให้หน่วยลงทุนในเงินลงทุน ดังกล่าวลดลง 2.42 ล้านหน่วย ซึ่งบริษัทได้รับเงินจากการลดหน่วยลงทุนแล้วจำนวน 33.59 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2543 และได้ลดจำนวนหน่วยลงทุนในวันที่ 26 เมษายน 2543 เป็นผลให้หน่วยลงทุนในเงินลงทุนในบริษัท ร่วมลดลง 0.33 ล้านหน่วย ซึ่งบริษัทได้รับเงินจากการลดหน่วยลงทุนแล้วจำนวน 3.49 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2543 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 มีมติให้บริษัทและบริษัทล๊อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จำกัด ร่วมกันจัดตั้งบริษัท แสนสิริ ดอท คอม จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 55% ของ จำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด บริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนแล้วในวันที่ 26 เมษายน 2543 เป็นจำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2543 บริษัท แสนสิริ ดอท คอม จำกัด ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท พอยท์ เอเซีย แอ็คเซ็ส จำกัด หมายเหตุ 10 - เจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2543 เจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทใหญ่ จำนวน 2 รายกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลงชำระ หนี้ซึ่งยังไม่ทราบผลของการเจรจา บริษัทไม่ได้บันทึกหนี้สินดังกล่าวไว้ในบัญชี หมายเหตุ 11 - การชำระหนี้สถาบันการเงิน 11.1 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2543 บริษัทและบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้ตกลงที่จะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายให้กับ บรรษัทบริหารสินทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 78.54 ล้านบาท โดยบริษัทและบริษัทย่อยมียอดเงินต้นคงเหลือ ณ วัน ชำระหนี้จำนวน 166.70 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 67.60 ล้านบาท บริษัทได้ชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2543 ทำให้เกิดผลกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวน 155.76 ล้านบาท และ 49.20 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะตามลำดับ 11.2 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2542 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะลูกหนี้ได้ทำบันทึกข้อตกลงการปรับ ปรุงโครงสร้างการชำระหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยมีบริษัทย่อยอีก 2 แห่งเป็นผู้จำนองในฐานะผู้ค้ำ ประกันการชำระหนี้ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 มีหนี้เงินต้นของบริษัทจำนวน 325.30 ล้านบาท และดอกเบี้ย ค้างจ่ายจำนวน 97.43 ล้านบาทและหนี้เงินต้นของบริษัทย่อยจำนวน 15 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 3.92 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญา บริษัทเงินทุนดังกล่าวตกลงรับซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทใหญ่ จำนวน 18 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 90 ล้านบาทและบริษัทใหญ่นำเงินค่าหุ้นที่ได้รับมาชำระ หนี้เงินต้นของบริษัทย่อยจำนวน 15 ล้านบาทและดอกเบี้ยค้างจ่ายถึงวันที่ 31 มีนาคม2542 จำนวน 2.48 ล้าน บาท เป็นผลให้บริษัทย่อยมีกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้จำนวน 1.44 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปแบ่ง ชำระดอกเบี้ยค้างจ่ายของบริษัทสองส่วน คือ ชำระดอกเบี้ยค้างจ่ายถึง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 จำนวน 61.65 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทใหญ่มีกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้จำนวน 35.78 ล้านบาทและชำระดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2542 จำนวน 10.87 ล้านบาท โดยสถาบันการเงินได้ขยายเวลาครบ กำหนดชำระหนี้สำหรับเงินต้นคงเหลือ และลดอัตราดอกเบี้ยลง และสถาบันการเงินดังกล่าวจะทำการประมูล สิทธิเรียกร้องที่สถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่งมีต่อบริษัทภายในระยะเวลาที่กำหนด ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2543 บริษัทได้ตกลงที่จะชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายให้กับกองทุนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อซึ่งสิทธิเรียกร้องที่ สถาบันการเงินดังกล่าวมีต่อบริษัท โดยบริษัทได้ชำระเป็นเงินสดแล้วจำนวน 24 ล้านบาท และชำระค่า ธรรม เนียมในการชำระหนี้กองทุนจำนวน 1.452 ล้านบาท จากนั้นกองทุนได้โอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้แก่สถาบัน การเงินข้างต้นที่ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับบริษัท เป็นผลให้บริษัทตกลงที่จะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยค้าง จ่ายให้กับสถาบันการเงินในวันที่ 29 มิถุนายน 2543 โดยบริษัทมียอดเงินต้นคงเหลือ ณ วันชำระหนี้ จำนวน 565.80 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 152.86 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญาบริษัทนำต้นทุนโครง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าของบริษัทและที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทย่อย 2 แห่ง ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ ค้ำประกันโอนชำระหนี้ในมูลค่า 455.86 ล้านบาท และชำระเป็นเงินสดจำนวน 36 ล้านบาท เมื่อได้ปฏิบัติตาม เงื่อนไขในสัญญาแล้วสถาบันการเงินดังกล่าวตกลงปลดหนี้ส่วนที่เหลือทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่บริษัท และ จะปลดจำนำหุ้นของบริษัทย่อยที่ใช้เป็นหลักประกันเป็นผลให้บริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 482.66 ล้านบาท และ 170.58 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะตามลำดับ 11.3 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2543 บริษัทย่อย 2 แห่ง ได้ตกลงที่จะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายให้กับกองทุนแห่ง หนึ่งซึ่ง เป็นผู้ประมูลซื้อซึ่งสิทธิเรียกร้องที่สถาบันการเงินสองแห่งมีต่อบริษัทย่อย โดยบริษัทย่อยแห่งแรกมียอด เงินต้นคงเหลือ ณ วันชำระหนี้จำนวน 142.06 ล้านบาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยค้างจ่ายอีกจำนวนหนึ่งในเงินต้น ตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญากู้ ส่วนบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งมียอดเงินต้นคงเหลือ ณ วันทำสัญญา 15 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายอีกจำนวนหนึ่งในเงินต้นตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญาเงินกู้ โดยผลสรุปของสัญญาบริษัท ย่อยแห่งแรกต้องชำระเงินกู้ไม่น้อยกว่า 72.36 ล้านบาท พร้อมกับค่าธรรมเนียมการชำระหนี้ของกองทุนจำนวน 0.86 ล้านบาท และบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งต้องชำระเงินกู้ไม่น้อยกว่า 7.64 ล้านบาท พร้อมกับค่าธรรมเนียมการ ชำระหนี้ของกองทุนจำนวน 0.08 ล้านบาท โดยบริษัทย่อยแห่งแรกได้โอนกรรมสิทธิ์ในหลักทรัพย์จำนวน 10 ล้านหุ้นให้แก่กองทุน ในราคาตลาด ณ วันที่ดำเนินการโอนหลักทรัพย์นั้น โดยมีเงื่อนไขตามสัญญาว่ากองทุนจะ นำหลักทรัพย์ดังกล่าวไปจำหน่ายเพื่อนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ และในกรณีที่บริษัทต้องการนำโฉนดที่ดินของ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าซึ่งเป็นหลักประกันเงินกู้ออกจำหน่าย กองทุนจะปลอดจำนองหลัก ประกันดังกล่าว เพื่อให้บริษัทนำไปขายแล้วนำเงินจากการขายมาชำระหนี้ให้แก่กองทุนเป็นจำนวนเงินไม่น้อย กว่า 50 ล้านบาท ซึ่งการปลอดจำนองหลักประกันนี้บริษัทย่อยจะต้องจัดให้มีหนังสือค้ำประกันจากธนาคารว่า จะค้ำประกันการชำระหนี้ให้แก่บริษัทย่อยทั้งสองแห่งเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาท ถ้าหากเงินที่ได้รับ จากการจำหน่ายหลักทรัพย์และที่ดินพร้อมโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนไม่ถึง 80 ล้านบาท ในกรณี ที่กองทุนจำหน่ายหลักทรัพย์แล้วได้มูลค่าสุทธิไม่ครบ 80 ล้านบาท บริษัทย่อยทั้งสองแห่งจะเป็นผู้รับผิดชอบใน มูลค่าของผลต่างดังกล่าว และในกรณีที่การจำหน่ายหลักทรัพย์มีมูลค่าสูงกว่า 80 ล้านบาท กองทุนจะคืนส่วนที่ เป็นผลต่างให้กับบริษัทย่อย โดยสัญญาและเงื่อนไขต่าง ๆ มีกำหนดภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2543 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 บริษัทได้โอนเงินจากการขายที่ดินและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 50 ล้าน บาท และส่งมอบหนังสือค้ำประกันจากธนาคารสำหรับหนี้ส่วนที่เหลือให้แก่กองทุนเรียบร้อยแล้ว 11.4 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทในฐานะลูกหนี้ และบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะผู้ค้ำประกันได้ทำบันทึกข้อ ตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการชำระเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างจ่ายซึ่งมี ยอดคงเหลือ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2542 เป็นจำนวนรวมประมาณ 26.74 ล้านบาท โดยลูกหนี้และผู้ค้ำประกัน ตกลงชำระเป็นเงินสดจำนวน 1.99 ล้านบาท และชำระโดยที่ดินรอการพัฒนาของผู้ค้ำประกันจำนวน 20.07 ล้านบาท บริษัทมีผลกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2542 จำนวน 4.68 ล้านบาท จากการ ที่บริษัทย่อยดังกล่าวโอนที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทย่อยจำนวน 20.07 ล้านบาท ซึ่งมีราคาตามบัญชี จำนวน 34.51 ล้านบาทนั้น เป็นผลให้ บริษัทย่อยมีผลขาดทุนจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้ที่มีต่อบริษัทใหญ่ จำนวน 14.44 ล้านบาท 11.5 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทเงินทุนแห่งหนึ่งในฐานะเจ้าหนี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องบริษัทในฐานะผู้ค้ำ ประกันและบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะลูกหนี้ เนื่องจากบริษัทย่อยได้ผิดสัญญากู้ยืมเงิน โดยยอดหนี้ซึ่งเป็นทุน ทรัพย์ที่ฟ้องจำนวน 29.548 ล้านบาท คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2542 บริษัทในฐานะผู้ค้ำประกันและบริษัทย่อยดังกล่าวได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และข้อตกลงการชำระหนี้จำนวน เงินทั้งสิ้น 30.683 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินต้นจำนวน 20 ล้านบาทและดอกเบี้ยค้างจำนวน 10.683 ล้านบาท บริษัทย่อยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ในราคาทุน 3.87 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้จำนวน 2.28 ล้านบาท ส่วนที่ เหลือชำระด้วยเงินสดจำนวน 20.03 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขว่าเงินสดจำนวน 16.03 ล้านบาท เจ้าหนี้จะนำ เงินที่ได้รับดังกล่าวมาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 1,603,351 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็นผล ให้บริษัทย่อยมีกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้จำนวน 6.78 ล้านบาท 11.6 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2542 บริษัทได้ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องการชำระหนี้เงินกู้ยืมจำนวน 432.72 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 109.79 ล้านบาท โดย โอนที่ดินโครงการซึ่งมีราคาทุนตามบัญชีประมาณ 702.18 ล้านบาท และบริษัทตกลงขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 19 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท มูลค่า 95 ล้านบาท ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อนำเงินจากการจำหน่ายหุ้น ดังกล่าวมาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ เป็นผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 254.67 ล้านบาท หมายเหตุ 12 - หนี้สินระยะยาว หนี้สินระยะยาว ประกอบด้วย (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 มิถุนายน 2543 31 ธันวาคม 2542 เงินกู้ยืมจากบริษัทการเงิน 227,605 338,697 - - หัก ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนด ภายในหนึ่งปี (227,605) (338,697) - - - - - - บริษัทย่อย - เงินกู้ยืมจากบริษัทการเงิน วงเงิน 12 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำหนดชำระคืนเงินต้นภายในปี 2540 และชำระ ดอกเบี้ยทุกสามเดือนในอัตรา LIBOR+3.5% ต่อปี โดยกู้เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเพลินจิต (ยังมีต่อ)