ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
16 พฤษภาคม 2543
งบการเงินไตรมาสที่1/2543
สำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทในวงจำกัดครั้งที่ 2
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2543 มีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 641,000 หุ้น เพื่อ
รองรับการใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้นตามใบสำคัญแสดงสิทธิให้แก่กรรมการและพนักงาน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543 ส่วนเกินมูลค่าหุ้นแสดงสุทธิจากส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น และค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายหุ้น
เพิ่มทุนแล้ว
บริษัทย่อย
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2542 และวันที่ 8 กันยายน 2542 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส
จำกัด มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 7 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 70,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
รวมเป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 10 ล้านบาท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2542 โดยจัด
สรรให้บริษัทใหญ่ทั้งจำนวน
หมายเหตุ 14 - สินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน
1. ที่ดินรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างของโครงการและที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทใหญ่ได้จดจำนองเป็นหลักประกันเงินกู้
จากบริษัทการเงินและธนาคาร
2. ที่ดินรวมทั้งสิ่งปลูกสร้าง,สิทธิการเช่าของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และที่ดินรอการพัฒนาบางส่วนของ
บริษัทย่อยได้จดจำนองเป็นประกันเงินกู้ยืมจากบริษัทการเงินและธนาคาร
3. ที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทย่อยบางส่วนได้จดจำนองกับบริษัทการเงินและธนาคารเพื่อใช้เป็นหลักประกันเงิน
กู้ยืมของบริษัทใหญ่และกิจการที่เกี่ยวข้องกัน
4. เงินฝากประจำส่วนหนึ่งได้นำไปเป็นเงินประกันหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคาร
หมายเหตุ 15 - ขาดทุนจากการโอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้
บริษัทย่อย
ในไตรมาสที่หนึ่งปี 2542 บริษัทย่อยคือ บริษัท ชัยนาท จำกัด ได้โอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดจำนวน 38.03 ล้านบาท เพื่อ
ชำระหนี้ค่าก่อสร้างสุทธิจำนวน 25.54 ล้านบาท ทำให้เกิดผลขาดทุนจำนวน 12.26 ล้านบาท
หมายเหตุ 16 - การผิดนัดชำระหนี้
บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยมีเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารเงิน กู้ยืมและดอกเบี้ยซึ่งยังไม่ได้ชำระตามกำหนด ดังนี้
(หน่วย : พันบาท)
เงินต้น ดอกเบี้ยค้างจ่าย
31 มีนาคม 31 ธันวาคม 31 มีนาคม 31 ธันวาคม
2543 2542 2543 2542
บริษัทใหญ่ 223,539 302,147 115,252 143,888
บริษัทย่อย 380,479 468,571 176,664 205,218
รวม 604,018 770,718 291,916 349,106
บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาต่ออายุเงินกู้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้และเงื่อนไขการชำระดอกเบี้ย
หมายเหตุ 17 - ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น
1. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543 บริษัทมีภาระผูกพันจากสัญญาก่อสร้างโครงการเป็นจำนวน 2.51 ล้านบาท และ
0.75 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัทตามลำดับ และมีภาระผูกพันที่เกิดจากการออก
หนังสือค้ำประกันโดยธนาคารจำนวน 4.59 ล้านบาท และ 2.68 ล้านบาทในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะ
ของบริษัท ตามลำดับ
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 บริษัทมีภาระผูกพันจากสัญญาก่อสร้างโครงการเป็นจำนวน 2.46 ล้านบาท และ 0.75
ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัทตามลำดับ และมีภาระผูกพันที่เกิดจากการออก
หนังสือค้ำประกันโดยธนาคารจำนวน 4.27 ล้านบาท และ 2.43 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะ
ของบริษัท
2. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 บริษัทมีภาระผูกพันจากสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 185.67
ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ชำระค่าที่ดินครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543
3. เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2542 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างกับบุคคล
รายหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าตามสัญญา 19.82 ล้านบาท โดยที่ดินดังกล่าวมีภาระจำยอมที่ได้จดทะเบียนไว้ในบันทึก
ถ้อยคำภาระจำยอมฉบับลงวันที่ 19 ตุลาคม 2533 บริษัทและผู้ขายตกลงดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
แล้วในวันที่ 26 เมษายน 2543 โดยมีการเปลี่ยนตัวผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จากบริษัทย่อยดังกล่าวเป็นบริษัท
4. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543 บริษัทมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการฟ้องร้องเพื่อขอคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวน
เงินประมาณ 18.24 ล้านบาท จากการที่เจ้าหนี้ของบริษัทผิดสัญญาว่าจ้างบริษัทจึงถูกฟ้องในฐานะจำเลยร่วม
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล บริษัทบันทึกหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวในงบการเงินเต็มจำนวนแล้ว
5. บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น จากการที่ลูกหนี้โครงการรวม 7 รายฟ้องร้องเพื่อขอคืนเงินต้น
พร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินประมาณ 2.47 ล้านบาท และ 8.97 ล้านบาทตามลำดับ และ ถูกฟ้องร้อง
ทั้งบริษัทใหญ่และบริษัทย่อยในฐานะจำเลยร่วมเป็นจำนวนเงินประมาณ 4.43 ล้านบาท จากการที่บริษัทกระทำ
ผิดสัญญาจะซื้อจะขาย เพิกถอนกลฉ้อฉล และลักทรัพย์ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ณ วันที่
31 มีนาคม 2543 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยบันทึกหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวไว้ในงบการเงินเต็มจำนวนแล้ว
6. บริษัทมีภาระผูกพันจากการทำสัญญาจองซื้อหุ้นและสัญญาชำระหนี้กับ Starwood Thailand Corperation ใน
เดือน มีนาคม 2542โดยบริษัทดังกล่าวมีสิทธิจองซื้อหุ้นหรือกำหนดชื่อบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว
จองซื้อหุ้นในบริษัทจนถึงร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ออกแล้วของบริษัทได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2545
ทั้งนี้ให้เป็นไปตามข้อกำหนด เงื่อนไขตามสัญญาและข้อบังคับบริษัท โดยมีรายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับสิทธิใน
การจองซื้อหุ้นโดยสตาร์วูด หรือบุคคลที่สตาร์วูดกำหนดได้ดังนี้
- การจองซื้อหุ้นครั้งแรกเป็นจำนวน 8,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท
- การจองซื้อหุ้นครั้งที่สอง ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติหรือละเว้นเงื่อนไขในสัญญาและขึ้นอยู่กับสัญญาการจ่าย
ชำระหนี้ ผู้จองซื้อจะซื้อหุ้นจำนวน 32.4 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท โดยเท่ากับจำนวนของหนี้ที่ได้ชำระ
ผู้จองซื้อจะชำระโดยการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของบริษัท
- การจองซื้อหุ้นครั้งที่สาม ผู้จองซื้อหุ้นสามารถจองซื้อหุ้นจำนวน 8 ล้านหุ้น ๆ ละ 5 บาท
- การจองซื้อหุ้นครั้งที่สี่ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติหรือละเว้น ตามเงื่อนไขในสัญญาในการจองซื้อหุ้นส่วนที่เหลือ
ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2545
- ในกรณีจองซื้อหุ้นดังกล่าวข้างต้นจะชำระค่าหุ้นโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถออกหุ้นสามัญได้ในราคา 5 บาทต่อหุ้น บริษัทอาจออกหลักทรัพย์ประเภทอื่นตามที่
สตาร์วูดและบริษัทจะได้ตกลงร่วมกันให้แทน และหากสตาร์วูดและบริษัทไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับทางเลือกอื่น
ในการออกหลักทรัพย์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการค้าข้างต้นนี้ สตาร์วูดมีสิทธิที่จะจองซื้อหุ้นสามัญของบริษัทได้ใน
ราคาหุ้นละ 10 บาท (หรือในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นตามที่กำหนดในข้อกำหนดในการรับหลักทรัพย์ของตลาด
หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ไม่น้อยกว่าหุ้นละ 5 บาท) โดยที่เมื่อสตาร์วูดทำการจองซื้อบริษัทจะต้องชดเชยผล
ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจให้แก่สตาร์วูดตามที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้เป็นจำนวนเท่ากับราคาจองซื้อที่ชำระ
โดยสตาร์วูดดังกล่าวในส่วนที่เกินกว่าราคาจองซื้อหุ้นที่สตาร์วูดต้องชำระข้างต้นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการค้า
ข้างต้น
ตามข้อตกลงได้กำหนดให้บริษัทจะต้องเข้าทำความตกลงกับนิติบุคคล ซึ่งมีทุนทั้งหมดเป็นของสตาร์วูดหรือกับบุคคล
ที่สตาร์วูดกำหนด (บริษัทสินทรัพย์) โดยที่นับจากวันที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้น บริษัทสินทรัพย์ต้องชำระค่าบริการ
บริหารสินทรัพย์รายปีให้แก่บริษัทเป็นจำนวนเท่ากับร้อยละ 0.375 ของจำนวนเงินลงทุนทั้งหมดของบริษัทสินทรัพย์
(ทุนและหนี้) ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นคราว ๆ ทั้งนี้ โดยจะมีเงื่อนไขว่าจะต้องหักเงินจำนวน 40,000,000 บาทจาก
ค่าบริการบริหารสินทรัพย์รายปีสำหรับปีแรก และถ้าสตาร์วูดได้จองซื้อหุ้นเป็นจำนวน 8,000,000 หุ้นเพิ่มเติมในปีที่สอง
แล้ว ก็ให้หักสำหรับปีที่สองด้วย (แต่ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ค่าบริการจะต้องไม่น้อยกว่าศูนย์)
ในส่วนของสัญญาชำระหนี้มีสาระสำคัญดังนี้
1) สตาร์วูดเสนอที่จะรับโอนหนี้ค้างชำระที่บริษัทมีอยู่ตามสัญญากู้ยืมเงินระหว่างบริษัท หรือบริษัทย่อยของ
บริษัทกับสถาบันการเงินต่างๆ
2) สตาร์วูดมีสิทธิขอให้บริษัทออกหุ้นสามัญเพื่อเสนอขายให้แก่ตน โดยให้มูลค่าหุ้นที่จองซื้อทั้งหมด
ที่จ่ายโดยสตาร์วูดมีจำนวนเท่ากับจำนวนต้นเงินรวมของหนี้ที่โอน โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทจะต้องชำระ
คืนหนี้ที่โอนให้แก่สตาร์วูด ภายหลังจากที่สตาร์วูดจองซื้อหุ้นดังกล่าวเสร็จสิ้น
3) เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว สตาร์วูดหรือบริษัทอาจส่งคำบอกกล่าวล่วงหน้าให้อีกฝ่ายหนึ่ง
ชำระหรือรับชำระคืนหนี้ที่โอนก็ได้ ในกรณีที่บริษัทเป็นผู้ขอให้สตาร์วูดรับชำระคืนหนี้ที่โอนสตาร์วูดมี
สิทธิที่จะเรียกให้บริษัทชำระหนี้คืนให้แก่สตาร์วูดแทนการจองซื้อหุ้นในบริษัทก็ได้
4) สตาร์วูดตกลงว่าจะไม่ทวงถามให้บริษัทหรือบริษัทย่อยใดๆ ของบริษัทชำระหนี้ หรือดำเนินคดีใดๆ เพื่อ
บังคับชำระหนี้เกี่ยวกับหนี้ที่โอน ทั้งนี้บริษัทจะต้องไม่ปฏิบัติผิดเงื่อนไขของตนเองที่บริษัทได้ให้ไว้
ตามสัญญาจองซื้อหุ้นหรือสัญญาชำระหนี้ข้างต้น
หมายเหตุ 18 - สัญญาเช่าระยะยาว
1. เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2542 บริษัทได้ทำสัญญาเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโครงการให้เช่ากับบุคคลราย
หนึ่งโดยมีอายุการเช่า 15 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 มีมูลค่าการเช่ารวม
54 ล้านบาทซึ่งกำหนดอัตราการเช่าเป็นรายปี และกำหนดการชำระค่าเช่าทุกวันที่ 10 มกราคมของทุกปี ตาม
รายละเอียดดังนี้
1. ค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2547 ปีละ 3.0 ล้านบาท
2. ค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ปีละ 3.6 ล้านบาท
3. ค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ปีละ 4.2 ล้านบาท
ทางผู้ให้เช่าได้แจ้งขอเลื่อนการจดทะเบียนการเช่าไปอีก 80 วัน เนื่องจากยังไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่อผู้เป็นเจ้าของ
กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างบางส่วนมาเป็นของผู้ให้เช่า ทั้งนี้สิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินที่ให้เช่าดังกล่าวนั้นได้มี
ผู้เช่ารายเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นในวันที่ 20 ธันวาคม 2542 บริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลงกับผู้เช่ารายเดิม โดยบริษัทได้
ขอให้ผู้เช่ารายเดิมทำการยกเลิกสัญญาการเช่าอาคารกับผู้ให้เช่าก่อนกำหนด เพื่อให้บริษัททำการเช่าทรัพย์
และที่ดินบริเวณข้างเคียงจากผู้ให้เช่า บริษัทตกลงชดเชยประโยชน์ที่ผู้เช่ารายเดิมขาดไปจำนวนหนึ่งอันเนื่อง
จากการที่ผู้เช่ารายเดิมต้องยกเลิกสัญญาเช่าอาคารก่อนกำหนดและบริษัทตกลงซื้อทรัพย์สินที่ใช้ในการ
ประกอบกิจการให้เช่าช่วงห้องพักในทรัพย์สินที่เช่าทั้งหมดในราคา 1.07 ล้านบาท โดยกำหนดชำระค่าชดเชย
บางส่วนจำนวน 0.2 ล้านบาท ในวันที่ลงในสัญญานี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543 บริษัทได้จ่ายชำระครบถ้วนแล้ว
2. บริษัทได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่อาคารกับบริษัทที่เกี่ยวข้องแห่งหนึ่งเพื่อเป็นสำนักงานและเพื่อให้เช่าโดยสัญญามี
กำหนดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2537 ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยวันที่ทำสัญญา
บริษัทได้ชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าครั้งเดียวเป็นจำนวนเงินประมาณ 548.57 ล้านบาท เมื่อครบกำหนด
สัญญาเช่าแล้วบริษัทต้องส่งมอบสถานที่เช่าคืนให้แก่ผู้ให้เช่าโดยบริษัทจะเรียกร้องสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง
จากผู้ให้เช่าไม่ได้
3. บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับสำนักพระราชวังเพื่อใช้ในการปลูกสร้างอาคารชุดเพื่อให้เช่าโครง
การบ้านแสนสิริ โดยสัญญามีกำหนดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2536 โดยวันที่ทำสัญญาบริษัท
ได้ชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าครั้งเดียวเป็นจำนวนเงินประมาณ 117.70 ล้านบาท
หมายเหตุ 19 - การจัดประเภทรายการใหม่
รายการในงบการเงินปี 2542 บางรายการได้จัดประเภทใหม่ให้สอดคล้องกับรายการในงบการเงินปี 2543
หมายเหตุ 20 - ปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับปี ค.ศ. 2000 (ไม่ได้สอบทานโดยผู้สอบบัญชี)
จนถึง ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2543 การดำเนินงานและการรายงานทางการเงินของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จาก
ปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับปี ค.ศ. 2000 ฝ่ายบริหารของบริษัทคาดว่าปัญหาปี ค.ศ. 2000 จะไม่มีผลกระทบที่
เป็นนัยสำคัญต่อการดำเนินงานหรือการรายงานทางการเงินของบริษัทในปี 2543
หมายเหตุ 21 - ข้อมูลที่เกี่ยวกับการดำเนินงานตามประเภทส่วนงานทางธุรกิจและส่วนงานทางภูมิศาสตร์ สำหรับระยะเวลา 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2543
(หน่วย : พันบาท)
อสังหาริมทรัพย์ ให้เช่า บริหารและตกแต่ง รวม รายการตัดบัญชี รวม
ที่ดินรอการพัฒนา อาคาร
รายได้
รายได้จากการขายโครงการ - - - - - -
รายได้สิทธิการเช่าตัดบัญชี 7,980 - - 7,980 - 7,980
รายได้ค่าบริการธุรกิจ 25,915 - 8,853 34,768 (1,847) 32,921
รายได้ค่าเช่า 9,190 900 - 10,090 (57) 10,033
รวม 43,085 900 8,853 52,838 (1,904) 50,934
ค่าใช้จ่าย
ต้นทุนขายและบริการ 9,914 - 5,729 15,643 - 15,643
สิทธิการเช่าและต้นทุนการพัฒนาตัดบัญชี 5,112 - - 5,112 - 5,112
รวม 15,026 - 5,729 20,755 - 20,755
กำไรขั้นต้น 28,059 900 3,124 32,083 (1,904) 30,179
สินทรัพย์ถาวร 435,880 - 1,111 436,991 - 436,991