ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
18 พฤษภาคม 2542
งบการเงินประจำรายไตรมาสที่ 1/2542
หมายเหตุ 7 - เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระ ได้ดังนี้
งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท
(หน่วย:ล้านบาท) เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ
เมื่อทวงถาม 5.00 - - -
ตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 3 เดือน - - 57.18 4.50
มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน - - 392.43 5.45
มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน - - 102.85 16.59
มากกว่า 12 เดือน ขึ้นไป - 0.48 - -
หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5.00) - - -
สุทธิ - 0.48 552.46 26.54
บริษัทให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9-16.75 ต่อปี
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 ในงบการเงินเฉพาะของบริษัท มีเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยและดอกเบี้ยค้างรับ ที่อาจมีความ
ไม่แน่นอนในเรื่องการชำระหนี้ เป็นจำนวน 551.85 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมิได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยฝ่ายบริหารเชื่อ
ว่าบริษัทจะไม่เกิดความเสียหายจากเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลของการดำเนินงานดังกล่าวยัง
ไม่อาจทราบได้ในขณะนี้
หมายเหตุ 8 - การตีราคาที่ดินรอการพัฒนา
ใน ปี 2542 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาใหม่ โดยผู้ประเมินราคาอิสระซึ่งได้รับความเห็นชอบ
จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยใช้วิธีเปรียบเทียบราคาตลาด สินทรัพย์ส่วน
ที่ตีราคามีดังนี้
(หน่วย : บาท)
ราคาทุน ราคาที่ตีใหม่
บาท บาท ผลต่าง
ที่ดินรอการพัฒนา:
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 8,197,823.44 37,548,000.00 29,350,176.56
ที่ดินรอการพัฒนาเพื่อให้เช่า :
บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 110,406,452.36 609,600,000.00 499,193,547.64
บริษัท ปราคาร จำกัด 33,373,390.00 126,420,000.00 93,046,610.00
143,779,842.36 736,020,000.00 592,240,157.64
รวม 151,977,665.80 773,568,000.00 621,590,334.20
ในปี 2542 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาเพื่อให้เช่าซึ่งลดลง ดังนี้
ราคาทุน ราคาที่ตีใหม่ ขาดทุนจากการตีราคา
บาท บาท บาท
ที่ดินรอการพัฒนาเพื่อให้เช่า บริษัท ชนชัย จำกัด:
-ส่วนที่ยังไม่มีการทำบันทึกข้อตกลงชำระหนี้ 73,967,405.52 73,014,381.12 953,024.40
ในปี 2540 บริษัทได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยผู้ประเมินราคาอิสระซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยใช้วิธี Fair Market Value สินทรัพย์ส่วนที่ตีราคาเพิ่มมีดังนี้
ราคาตามบัญชีเดิม ราคาที่ตีเพิ่ม
บาท บาท ผลต่าง
ที่ดินรอการพัฒนาเพื่อให้เช่า :
บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 110,406,452.36 650,167,115.00 539,760,662.64
บริษัท ปราคาร จำกัด 33,373,390.00 134,832,885.00 101,459,495.00
143,779,842.36 785,000,000.00 641,220,157.64
บริษัทบันทึกที่ดินรอการพัฒนาส่วนที่ตีราคาเพิ่มในบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นในงบดุล
หมายเหตุ 9 - เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ
เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 ประกอบด้วย
(หน่วย : พันบาท) ผลขาดทุนส่วนล้ำ
สัดส่วน วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เงินลงทุน
บริษัทย่อย ทุนชำระแล้ว เงินลงทุน 2542 2541 2542 2541 2542 2541
บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 11,000 99% 14,490 14,490 461,690 - - (17,329)
บริษัท ชนชัย จำกัด 90,000 99% 101,524 101,524 - 97,738 (125,739) -
บริษัท ชัยนาท จำกัด 30,000 99% 51,950 51,950 - - (313,218) (48,450)
บริษัท ปราคาร จำกัด 1,000 99% 1,000 1,000 75,086 - - (12,630)
บริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้
พลัส จำกัด 3,000 100% 3,000 - 2,501 - - -
รวมเงินลงทุนในบริษัทย่อย 171,964 168,964 539,277 97,738 (438,957) (78,409)
บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
บริษัท รีเจนซี่ วรรณ จำกัด 200,000 10% 20,000 20,000 - - - -
หัก ค่าเผื่อการลดมูลค่า (20,000) - - - - -
รวมเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ - 20,000 - - - -
รวมเงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้อง - สุทธิ 171,964 188,964 539,277 97,738 (438,975) (78,409)
บริษัทมีลักษณะความสัมพันธ์กับกิจการที่เกี่ยวข้องกันข้างต้นซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยการ
ถือหุ้นและมีคณะกรรมการบางท่านร่วมกัน
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542 บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท
แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด
หมายเหตุ 10 - เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน
บริษัทใหญ่
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทในฐานะลูกหนี้ และบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะผู้ค้ำประกันได้ทำบันทึกข้อตกลงปรับ
ปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการชำระเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างจ่ายซึ่งมียอดคงเหลือ ณ
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2542 เป็นจำนวนรวมประมาณ 26.74 ล้านบาท โดยลูกหนี้และผู้ค้ำประกันตกลงชำระเป็นเงินสด
จำนวน 1.99 ล้านบาท และชำระโดยที่ดินรอการพัฒนาของผู้ค้ำประกันจำนวน 20.07 ล้านบาท ภายใน 15 วัน นับจาก
วันที่สถาบันการเงินแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรว่าการปรับปรุงโครงสร้างหนี้นี้ได้รับความเห็นชอบจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ 11 - เจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง
บริษัทใหญ่
เจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 รวมเจ้าหนี้ที่ได้ยื่นฟ้องบริษัทเรื่องการชำระหนี้ค่าก่อสร้างแต่
ต่อมาได้ถอนฟ้องบริษัทแล้ว ซึ่งเดิมเจ้าหนี้รายดังกล่าวได้ส่งใบแจ้งการเรียกเก็บเงินล่าสุดเป็นจำนวนเงินประมาณ 47
ล้านบาท แต่บริษัทบันทึกบัญชีไว้เป็นจำนวนเงินประมาณ 21 ล้านบาท เนื่องจากผลการประเมินมูลค่างานต่ำกว่า
จำนวนเงินที่เจ้าหนี้รายดังกล่าวเรียกเก็บ
บริษัทย่อย
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2542 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำบันทึกข้อตกลงกับเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างจำนวน 2 รายเกี่ยวกับเรื่อง
การชำระหนี้ค่าก่อสร้างสุทธิจำนวน 4.74 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญาได้นำบัญชีเจ้าหนี้การค้าค่าก่อสร้าง เงิน
ประกันการก่อสร้างและเงินล่วงหน้าค่าก่อสร้าง มาหักกลบลบหนี้เป็นผลให้บริษัทไม่ต้องชำระเงินเพิ่ม
หมายเหตุ 12 - ทุนเรือนหุ้น
บริษัทใหญ่
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2541 มีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 645,500,000
บาท เป็น 945,500,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 30 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท รวม 300 ล้านบาท เพื่อ
ทำการเสนอขายทั้งหมดในคราวเดียวหรือหลายคราวต่อผู้ลงทุนประเภทสถาบันจำนวน 17 ประเภท ตามประกาศคณะ
กรรมการ ก.ล.ต.โดยในส่วนของราคาขายต่อหุ้น วัน เวลา จองซื้อ และชำระเงินค่าหุ้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะ
กรรมการ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2541 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนรวม
29,280,450 บาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,928,045 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาทให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ
แห่งหนึ่ง เพื่อนำเงินมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สินของบริษัท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วเมื่อ
วันที่ 12 มิถุนายน 2541
ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2541 มีมติให้บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนรวม 4 ล้านบาท โดย
แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 400,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ให้แก่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง เพื่อนำเงินมาใช้ในการ
ปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2541
ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2541 มีมติให้บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนรวม 5 ล้านบาท โดย
แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง และเสนอขายหุ้น
เพิ่มทุน จำนวนรวม 1,222,438 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ให้แก่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง เพื่อนำเงินมาใช้ในการ
ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท บริษัทได้จดทะเบียน เพิ่มทุนชำระแล้ว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2541 ต่อมาเมื่อ
วันที่ 28 สิงหาคม 2541 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 137,023 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10
บาท ให้แก่บริษัทแห่งหนึ่ง เพื่อนำเงินมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2541 มีมติให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม
945,500,000 บาท เป็น 697,375,060 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่บริษัทยังมิได้นำออกจำหน่าย จำนวน
24,812,494 หุ้น และมีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 697,375,060 บาท เป็น 3,312,991,260 บาท โดยการ
ออกหุ้นใหม่เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 261,561,620 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท รวม 2,615,616,200 บาท โดยจัดสรรหุ้น
เพิ่มทุนที่ออกใหม่ดังนี้
1. จำนวน 258,074,745 หุ้น เพื่อทำการเสนอขายทั้งหมดหรือแบ่งเป็นส่วน ๆ เพื่อเสนอขายเป็นคราว ๆ ให้แก่ผู้ลงทุน
โดยเฉพาะเจาะจงซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 35 ราย ภายในรอบระยะเวลา 12 เดือน และ / หรือเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุน
ประเภทสถาบันจำนวน 17 ประเภท ตามประกาศ ก.ล.ต. ในกรณีที่หุ้นเหลือจากการเสนอขายดังกล่าวให้เสนอขาย
ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นและในกรณีที่ยังคงมีเศษของหุ้นที่เหลือจากการเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตาม
สัดส่วนอีกให้เสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทโดยในส่วนของวัน เวลา จองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น
ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของคณะกรรมการ
2. ส่วนที่เหลือจำนวน 3,486,875 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้นตามโครงการออกและเสนอขายใบสำคัญ
แสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นตามโครงการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่กรรมการ
และพนักงานของบริษัทในวงจำกัด ซึ่งบริษัทได้จดทะเบียนลดทุนและเพิ่มทุนแล้ว เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2541
นอกจากนี้มีมติให้บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ในราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนไว้ คิดเป็นราคาเสนอขาย
หุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่เท่ากับมูลค่าหุ้นละ 5 บาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2542 มีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 250,000 หุ้น ในราคา
หุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,250,000 บาท ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศแห่งหนึ่ง บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่ม
ทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2542 มีมติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 30 ล้านบาทโดยแบ่ง
เป็นหุ้นสามัญ 6 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 5 บาท ให้แก่นิติบุคคลต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ตามประกาศ
ก.ล.ต. บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2542
บริษัทย่อย
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2541 และวันที่ 24 ธันวาคม 2541 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้
แมเนจเม้นท์ จำกัด มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 2 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 20,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ
100 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3 ล้านบาท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2541
โดยจัดสรรให้บริษัทใหญ่ทั้งจำนวน
หมายเหตุ 13 - สินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน
1. ที่ดินรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างของโครงการและที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทใหญ่ได้จดจำนองเป็นหลักประกันเงินกู้จาก
บริษัทการเงินและธนาคาร
2. ที่ดินรวมทั้งสิ่งปลูกสร้าง,สิทธิการเช่าของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และที่ดินรอการพัฒนาบางส่วนของ
บริษัทย่อยได้จดจำนองเป็นประกันเงินกู้ยืมจากบริษัทการเงินและธนาคาร
3. ที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทย่อยบางส่วนได้จดจำนองกับบริษัทการเงินและธนาคาร เพื่อใช้เป็นหลักประกันเงิน
กู้ยืมของบริษัทใหญ่และกิจการที่เกี่ยวข้องกัน
4. เงินลงทุนในหลักทรัพย์บางส่วนของบริษัทใหญ่ได้จำนำเป็นหลักประกันเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
5. เงินฝากประจำส่วนใหญ่ได้นำไปเป็นเงินประกันหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคาร
หมายเหตุ 14 - ขาดทุนจากการโอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้
บริษัทย่อย
ในไตรมาสที่หนึ่งปี 2542 บริษัทย่อยคือ บริษัท ชัยนาท จำกัด ได้โอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดจำนวน 38.03 ล้านบาท เพื่อ
ชำระหนี้ค่าก่อสร้างสุทธิจำนวน 25.54 ล้านบาท ทำให้เกิดผลขาดทุนจำนวน 12.26 ล้านบาท
หมายเหตุ 15 - การผิดนัดชำระหนี้
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยมีเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยซึ่งยัง
ไม่ได้ชำระตามกำหนดดังนี้
(หน่วย : พันบาท)
เงินต้น ดอกเบี้ยค้างจ่าย
2542 2541 2542 2541
บริษัทใหญ่ 1,115,696 491,178 310,999 43,976
บริษัทย่อย 503,571 110,000 150,679 11,644
รวม 1,619,267 601,178 461,678 55,620
บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาต่ออายุเงินกู้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้และเงื่อนไขการชำระดอกเบี้ย (ดูหมายเหตุประกอบ
งบการเงินข้อ 10)
หมายเหตุ 16 - ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น
1. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทมีภาระผูกพันจากสัญญาก่อสร้างโครงการเป็นจำนวน 365.13
ล้านบาท และ 122.90 ล้านบาทในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัทตามลำดับ และมีภาระผูกพัน
ที่เกิดจากการออกหนังสือค้ำประกันโดยธนาคารจำนวน 7.08 ล้านบาท และ 1.97 ล้านบาทในงบการเงินรวม
และงบการเงินเฉพาะของบริษัทตามลำดับ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 บริษัทมีภาระผูกพันจากสัญญาก่อสร้างโครงการเป็นจำนวน 620.84 ล้านบาท และ
184.11 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัทตามลำดับ และมีภาระผูกพันที่เกิด จากการ
ออกหนังสือค้ำประกันโดยธนาคารจำนวน 8.89 ล้านบาท และ 2.55 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงิน
เฉพาะของบริษัท ตามลำดับ
2. ในปี 2542 บริษัทมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นรวม 3 ราย จากการที่บริษัทถูกลูกหนี้โครงการฟ้องร้องเพื่อขอคืนเงินต้น
พร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินประมาณ 2.47 ล้านบาท จากการที่บริษัทกระทำผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ขณะนี้
อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทจึงยังมิได้บันทึกหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นดัง
กล่าวในงบการเงิน
ในปี 2541 บริษัทมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการที่บริษัทถูกลูกหนี้รายหนึ่งฟ้องร้องเพื่อขอคืนเงินต้นพร้อมดอก
เบี้ยเป็นจำนวนเงินประมาณ 1.36 ล้านบาท จากการที่บริษัทกระทำผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ขณะนี้อยู่ใน
ระหว่างการพิจารณาของศาล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 บริษัทจึงยังมิได้บันทึกหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าวใน
งบการเงิน
3. บริษัทได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่อาคารกับบริษัทที่เกี่ยวข้องแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นสำนักงาน และเพื่อให้เช่า โดยสัญญามี
กำหนดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่1 มิถุนายน 2537 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยวันที่ทำสัญญา
บริษัทได้ชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าครั้งเดียวเป็นจำนวนเงินประมาณ 548.57 ล้านบาท เมื่อครบกำหนดสัญญา
เช่าแล้ว บริษัทต้องส่งมอบสถานที่เช่าคืนให้แก่ผู้ให้เช่า โดยบริษัทจะเรียกร้องสิทธิอย่างหนึ่งจากผู้ให้เช่าไม่ได้
4. บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับสำนักพระราชวัง เพื่อใช้ในการปลูกสร้างอาคารชุดเพื่อให้เช่า โครง
การบ้านแสนสิริ โดยสัญญามีกำหนดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2536 โดยวันที่ทำสัญญา บริษัท
ได้ชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าครั้งเดียวเป็นจำนวนเงินประมาณ 117.70 ล้านบาท
5. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทมีภาระผูกพันจากการทำสัญญาจองซื้อหุ้นกับบุคคลหนึ่ง เพื่อการจองซื้อหุ้น
สามัญเพิ่มทุนในบริษัท คาเธ่ย์ เอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในราคาหุ้นละ 12 บาท จำนวน 500,000 หุ้น รวม
เป็นเงินทั้งสิ้น 6 ล้านบาท
6. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทมีภาระผูกพันจากการทำสัญญาจองซื้อหุ้นและสัญญาชำระหนี้กับ Starwood
Thailand Corperation โดยบริษัทดังกล่าวมีสิทธิจองซื้อหุ้นหรือกำหนดชื่อบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท
ดังกล่าวจองซื้อหุ้นในบริษัทจนถึงร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ออกแล้วของบริษัทได้จนถึงวันที่ 31
ธันวาคม 2545 ทั้งนี้ให้เป็นไปตามข้อกำหนด เงื่อนไขตามสัญญาและข้อบังคับบริษัท
หมายเหตุ 17 - การเปิดเผยข้อมูลจำแนกตามส่วนงาน
บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเพียงอย่างเดียว จึงไม่มีข้อมูลจำแนกตาม
ประเภทธุรกิจหรือพื้นที่ภูมิศาสตร์
หมายเหตุ 18 - การจัดประเภทรายการใหม่
รายการในงบการเงินปี 2541 บางรายการได้จัดประเภทใหม่ให้สอดคล้องกับรายการในงบการเงินปี 2542
หมายเหตุ 19 - ปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับปี ค.ศ. 2000 และการแก้ไขปรับปรุง (ไม่ได้สอบทานและไม่ได้เป็นส่วน
หนึ่งของรายงานการสอบทานงบการเงิน)
ปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับปี ค.ศ. 2000 เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ระบบตัวเลขสองหลักเพื่อระบุปีแทนที่
จะเป็นตัวเลขสี่หลักโดยระบบคอมพิวเตอร์อาจอ่านปี ค.ศ. 2000 เป็นปีอื่น ๆ ทั้งนี้ระบบที่ใช้ดังกล่าวอาจทำให้เกิด
ข้อผิดพลาดเมื่อมีการประมวลข้อมูลที่ใช้วันที่ก่อนในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2543 ข้อผิดพลาดดังกล่าวอาจมีผล
ต่อการดำเนินงานและการรายงานทางการเงิน ซึ่งอาจเป็นข้อผิดพลาดที่เล็กน้อยจนถึงขั้นเกิดความล้มเหลวของ
ระบบงานที่สำคัญหากมิได้ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสมและทันกาล และอาจมีผลกระทบต่อความ
สามารถของกิจการในการดำเนินธุรกิจตามปกติ นอกจากนี้ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่ากิจการตลอดจนผู้ซื้อสินค้า ผู้ขาย
สินค้า ผู้ขายสินค้าและกิจการอื่น ที่ดำเนินธุรกิจด้วยจะสามารถแก้ไขปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับปี ค.ศ.
2000 ได้ทั้งหมด
บริษัทได้พิจารณาถึงผลกระทบของปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ (โปรแกรมและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์) เพื่อแก้ไขปัญหาปี
ค.ศ. 2000 ซึ่งได้แก้ไขแล้วเสร็จในปีก่อนรายจ่ายรวมสำหรับโครงการดังกล่าวมีจำนวนประมาณ 1.5 ล้านบาท
แม้ว่าบริษัท อาจสามารถแก้ไขปัญหาปี ค.ศ. 2000 บริษัทยังคงมีความเสี่ยงต่อการที่บริษัทอื่นที่บริษัทดำเนินธุรกิจ
ด้วยอาจไม่สามารถแก้ไขปรับปรุงระบบได้ทันกาล
หมายเหตุ 20 - เหตุการณ์ภายหลังวันที่ในงบการเงิน
1. ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2542 มีมติให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม
3,312,991,260 บาท เป็น 794,743,810 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่บริษัทยังมิได้นำออกจำหน่าย จำนวน
251,824,745 หุ้น และมีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 794,743,810 บาท เป็น 13,294,143,810 บาท
โดยการออกหุ้นใหม่1,249,940,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 478,840,000
หุ้น ซึ่งจะต้องออกในราคาที่ไม่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และหุ้นสามัญจำนวน 771,100,000 หุ้นซึ่ง
จะต้องออกในราคาหุ้นละ 5 บาท โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ดังนี้
1.1 จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 8,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ Starwood Thailand Corperation ในราคา
หุ้นละ 5 บาท
1.2 หุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจำนวน 1,241,940,000 หุ้น ให้ดำเนินการจัดสรรดังนี้
(1) ให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 478,840,000 หุ้น ในราคาที่ไม่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นละ 10 บาท
(2) ให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 763,100,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท
โดยให้จัดสรรหุ้นจำนวนดังกล่าวทั้งหมดคราวเดียว หรือแบ่งเป็นส่วน ๆ เพื่อเสนอขายเป็นคราว ๆ ให้แก่ผู้ลงทุน
สถาบัน 17 ประเภท และ/หรือเสนอขายให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจงใด ๆ ซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 35 ราย ภายในรอบ
ระยะเวลา 12 เดือน ตามข้อ 2 ของประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการขอ
อนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่และการอนุญาต และตามข้อบังคับของบริษัท
(3) ให้คณะกรรมการเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจกำหนดรายละเอียดในการจัดสรรหุ้น
บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจำนวน 40 ล้านบาท ที่เสนอขายให้แก่ Starwood Thailand Corperation
แล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542
2. เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2542 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างจำนวน 1 ราย โดยมี
บริษัทใหญ่เป็นผู้ค้ำประกันเกี่ยวกับเรื่องการชำระหนี้ค่าก่อสร้างโดยบริษัทย่อยชำระเป็นเงินสดจำนวน 20 ล้าน
บาทและบริษัทใหญ่จะชำระหนี้แทนบริษัทย่อยและเจ้าหนี้ต้องนำเงินดังกล่าวมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทใหญ่
จำนวน 4,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นมูลค่าหุ้น 20 ล้านบาท และเจ้าหนี้ตกลงปลดหนี้ส่วนที่เหลือ
ให้แก่ลูกหนี้
3. บริษัทอยู่ในระหว่างการตกลงโอนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขำระหนี้หรือจ่ายชำระหนี้โดยซื้อ
หุ้นสามัญของบริษัท
***