14 November 2000

งบการเงินไตรมาสที่ 3/2543

หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2543 ค่าเผื่อการลดมูลค่าโครงการในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัทมีจำนวน 587.98 ล้านบาทและ 8.36 ล้านบาทตามลำดับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 ค่าเผื่อการลดมูลค่าโครงการในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัทมีจำนวน 513.51 ล้านบาทและ 88.05 ล้านบาทตามลำดับ เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมแสดงมูลค่าตามวิธีส่วนได้เสีย เงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกันแสดงในราคาทุนสุทธิจากค่าเผื่อการลดมูลค่า ที่ดินรอการพัฒนาเพื่อขายและให้เช่า ที่ดินรอการพัฒนาแสดงในราคาทุน ซึ่งประกอบด้วยค่าที่ดินและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งดอกเบี้ย บริษัทใหญ่และ บริษัทย่อยได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาใหม่ ในปี 2542 ในปี 2541 บริษัทย่อยสองแห่งได้ทำสัญญาให้เช่าที่ดินรอการพัฒนาเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งสัญญาเช่าจะสิ้นสุดในเดือน พฤศจิกายน ปี 2543 (ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 10.2) สิทธิการเช่า สิ่งปลูกสร้าง และอุปกรณ์ สิทธิการเช่า แสดงในราคาทุนสุทธิจากค่าเผื่อการลดมูลค่า สิ่งปลูกสร้าง และอุปกรณ์ แสดงในราคาทุน สิทธิการเช่าตัด บัญชีตามอายุสัญญาเช่า และค่าเสื่อมราคาคำนวณโดยวิธีเส้นตรงตามเกณฑ์อายุการใช้งานโดยประมาณ 5-20 ปี ดอกเบี้ยที่บันทึกเป็นต้นทุนสินทรัพย์ บริษัทบันทึกดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดขึ้น เนื่องจากการกู้ยืมเพื่อก่อสร้างสินทรัพย์เข้าเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งของสินทรัพย์นั้น และจะหยุดบันทึกดอกเบี้ยจ่ายเข้ามาเป็นต้นทุน เมื่องานก่อสร้างแล้วเสร็จหรือโครงการหยุดชะงัก ค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชี ค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชีแสดงรวมอยู่ในสินทรัพย์อื่น ประกอบด้วย ดอกเบี้ยจากการเช่าซื้อยานพาหนะกำหนด ตัดบัญชีโดยวิธีเส้นตรงตามอายุของสัญญาเช่าซื้อ และภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายของโครง การมีกำหนดตัดบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายตามสัดส่วนของการรับรู้รายได้ ในปี 2542 ค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชีได้ตัดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัท จำนวน 5.4 ล้านบาท และ 1.8 ล้านบาท ตามลำดับ เงินตราต่างประเทศ การแปลงค่าเงินตราต่างประเทศที่เกิดขึ้นระหว่างปีได้คำนวณเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิด รายการ สินทรัพย์หรือหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ณ วันสิ้นปี แปลงค่าเป็นเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น หรือแสดงในอัตราแลกเปลี่ยนตามสัญญาที่ได้มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้า กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนคำนวณรวมเป็นรายได้และค่าใช้จ่ายของงวด ภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทใช้วิธีการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร การใช้ประมาณการทางบัญชี ในการจัดทำงบการเงินให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปในประเทศไทย ฝ่ายบริหารต้องใช้การประมาณ และ ตั้งข้อสมมติฐานหลายประการ ซึ่งมีผลกระทบต่อจำนวนที่เกี่ยวกับรายได้ ค่าใช้จ่าย สินทรัพย์ และหนี้สินและการ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์และหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างไปจากจำนวนที่ประมาณไว้ กำไร(ขาดทุน)ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน กำไร(ขาดทุน)ต่อหุ้นขั้นพื้นฐานคำนวณโดยการหารกำไร(ขาดทุน)สุทธิด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วตาม วิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก จำนวนหุ้น 30 กันยายน 2543 30 กันยายน 2542 จำนวนหุ้นตามวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ใช้ ในการคำนวณกำไร(ขาดทุน)ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 268,290,741 146,569,869 หมายเหตุ 5 - เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ประกอบด้วย (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม 30 กันยายน 31 ธันวาคม 2543 2542 2542 2541 เงินสดและเงินฝากธนาคาร 141,262 135,270 135,703 69,384 เงินลงทุนระยะสั้น - เงินฝากประจำ 144,307 213,726 12,200 7,860 - ตั๋วสัญญาใช้เงิน - 286,000 427,182 - หัก เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร (3,108) (16,053) (14,269) (95,623) เงินลงทุนระยะสั้น - เงินฝากประจำ ที่ติดภาระค้ำประกัน (33,083) (4,011) (4,274) (7,858) เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 249,378 614,932 556,542 (26,237) (หน่วย : พันบาท) งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 กันยายน 31 ธันวาคม 2543 2542 2542 2541 เงินสดและเงินฝากธนาคาร 124,959 131,594 128,900 17,935 เงินลงทุนระยะสั้น - เงินฝากประจำ 133,520 202,427 2,427 1,970 - ตั๋วสัญญาใช้เงิน - 276,000 427,182 - หัก เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร (2,176) (15,506) (13,906) (61,272) เงินลงทุนระยะสั้น - เงินฝากประจำ ที่ติดภาระค้ำประกัน (30,475) (2,426) (2,425) (1,969) เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 225,828 592,089 542,178 (43,336) เงินฝากประจำที่ติดภาระค้ำประกันเป็นเงินประกันหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคาร หมายเหตุ 6 - ลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บ - สุทธิ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 มูลค่าการซื้อขายที่ได้มีการทำสัญญาแล้ว 2,665,261 2,665,261 1,155,366 1,155,366 ยอดขายรวมของโครงการ 2,676,799 2,676,799 1,166,904 1,166,904 อัตราส่วนของมูลค่าซื้อขายที่ได้มีการขาย 99.57 % 99.57 % 99.01 % 99.01 % มูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บและค่างวดที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้ งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 ค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ 2,665,553 2,665,553 1,171,590 1,171,590 หัก เงินรับชำระแล้ว (2,665,021) (2,662,089) (1,171,590) (1,171,590) ลูกหนี้ค่างวดที่ค้างชำระ 532 3,464 - - ลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่างานที่เสร็จยังไม่ได้เรียกเก็บ - สุทธิ ประกอบด้วย งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 ค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ 2,665,553 2,665,553 1,171,590 1,171,590 หัก การรับรู้รายได้ (2,678,165) (2,678,165) (1,171,590) (1,171,590) บวก รายได้จากลูกหนี้ยึดเงินจอง 12,612 12,612 - - - - - - ค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ 532 3,464 - - มูลค่างานเสร็จและบริการยังไม่ได้ เรียกเก็บ - 308 - - ลูกหนี้ค่าบริการ 11,712 9,461 24,770 24,834 รวมลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและ มูลค่างานที่เสร็จและงานบริการยัง ไม่ได้เรียกเก็บ 12,244 13,233 24,770 24,834 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (2,452) (7,058) (20,369) (2,105) รวมลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่า งานที่เสร็จและงานบริการยังไม่ได้ เรียกเก็บ - สุทธิ 9,792 6,175 4,401 22,729 บริษัทมีลูกหนี้การค้า, ตั๋วเงินรับและมูลค่างานที่เสร็จและงานบริการยังไม่ได้เรียกเก็บ - สุทธิ แยกตามอายุหนี้ที่ค้าง ชำระได้ดังนี้ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 มูลค่างานที่เสร็จและงานบริการ ยังไม่ได้เรียกเก็บ - 308 - - มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน 7,769 5,719 4,025 3,260 มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน 1,438 467 72 - มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน 399 278 62 - มากกว่า 12 เดือนขึ้นไป 2,638 6,461 20,611 21,574 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (2,452) (7,058) (20,369) (2,105) สุทธิ 9,792 6,175 4,401 22,729 มายเหตุ 7 - เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิประกอบด้วย (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 30 กันยายน 2543 31 ธันวาคม 2542 บริษัทย่อย บริษัท ชนชัย จำกัด - - - 129,649 บริษัท แสนภิญโญ จำกัด - - - 141,012 บริษัท ปราคาร จำกัด - - - 51,263 บริษัท ชัยนาท จำกัด - - 3,000 232,948 บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน บริษัท รีเจนซี่ วรรณ จำกัด 5,000 5,000 - - รวม 5,000 5,000 3,000 554,872 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (5,000) - (250,000) สุทธิ - - 3,000 304,872 บริษัทให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ MLR ต่อปี เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันเป็นเงินให้กู้ยืมที่บริษัทย่อย คือ บริษัท ชนชัย จำกัด ให้กู้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยคิด ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ MLR ต่อปี ณ วันที่ 30 กันยายน 2543 เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระ ได้ดังนี้ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เมื่อทวงถาม - - 3,000 - มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน - - - - มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน - - - - มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน - - - - มากกว่า 12 เดือน ขึ้นไป 5,000 333 - - หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (333) - - สุทธิ - - 3,000 - ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระ ได้ดังนี้ (หน่วย : พันบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เมื่อทวงถาม - - 554,872 - มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน - - - - มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน - - - - มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน - - - 1,556 มากกว่า 12 เดือน ขึ้นไป 5,000 333 - 12,081 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (333) (250,000) - สุทธิ - - 304,872 13,637 หมายเหตุ 8 - เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ ณ วันที่ 30 กันยายน 2543 และ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 ประกอบด้วย (หน่วย : พันบาท) ผลขาดทุนส่วนล้ำ ทุนชำระแล้ว สัดส่วน วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เงินลงทุน ประเภทธุรกิจ บริษัทย่อย 2543 2542 เงินลงทุน 2543 2542 2543 2542 2543 2542 บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 11,000 11,000 99% 14,490 14,490 220,920 456,362 - - ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ชนชัย จำกัด 90,000 90,000 99% 101,524 101,524 - - (606,522) (626,232) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ชัยนาท จำกัด 30,000 30,000 99% 51,950 51,950 - - (50,185) (347,465) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ปราคาร จำกัด 1,000 1,000 99% 1,000 1,000 22,997 75,353 - - ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด 10,000 10,000 99% 10,000 10,000 11,060 9,785 - - บริหารอาคารสำนักงาน และอาคารชุด บริษัท พอยท์ เอเชีย แอ็คเซ็ส จำกัด 10,000 - 55% 5,500 - 4,086 - - - ให้บริการอินเตอร์เน็ตและ กิจการโทรคมนาคม บริษัท แสนสิริ โฮม เน็ทเวิร์ค จำกัด 1,000 - 100% 1,000 - 108 - - - ให้บริการในเชิงพาณิชย์โดยใช้สื่ออินเตอร์เน็ต บริษัทร่วม บริษัท คาเธ่ย์ แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด 25,000 25,000 20% 6,000 6,000 11,717 6,400 - - ที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน กองทุนรวมสตาร์วูดไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ 1 604,421 701,194 25% 150,862 178,930 62,738 171,177 - - กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจ ของสถาบันการเงิน บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน บริษัท รีเจนซี่ วรรณ จำกัด 200,000 200,000 10% 20,000 20,000 - - - - หัก ค่าเผื่อการลดมูลค่า (20,000) (20,000) - - - - รวมเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ - - - - - - รวมเงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ 342,326 363,894 333,626 719,077 (656,707) (973,697) ในปี 2543 บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทร่วม (ดูหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 2) - บริษัทมีลักษณะความสัมพันธ์โดยการถือหุ้น และ/หรือมีคณะกรรมการบางท่านร่วมกันกับกิจการที่เกี่ยวข้องกัน ข้างต้น - กองทุนรวมสตาร์วูดไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ 1 ได้ลดจำนวนหน่วยลงทุนดังนี้ วันประกาศลดทุน จำนวนหุ้นลดทุน (ล้านหน่วย) จำนวนเงินลดทุน (ล้านบาท) วันรับเงินลดทุน 22 กุมภาพันธ์ 2543 2.42 33.59 21 เมษายน 2543 26 เมษายน 2543 0.33 3.49 2 มิถุนายน 2543 24 กรกฎาคม 2543 5.33 50.00 18 สิงหาคม 2543 24 สิงหาคม 2543 2.67 25.00 9 ตุลาคม 2543 - ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 มีมติให้บริษัทและบริษัทล๊อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จำกัด ร่วมกันจัดตั้งบริษัท แสนสิริ ดอท คอม จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 55% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด บริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนแล้วในวันที่ 26 เมษายน 2543 เป็นจำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท - เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2543 บริษัท แสนสิริ ดอท คอม จำกัด ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท พอยท์ เอเซีย แอ็คเซ็ส จำกัด - บริษัทได้จัดตั้งบริษัท แสนสิริ โฮม เน็ทเวิร์ค จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด บริษัทได้จดทะเบียนบริษัทแล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2543 เป็นจำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท หมายเหตุ 9 - เจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2543 บริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลงกับเจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง เกี่ยวกับการชำระหนี้เงินล่วงหน้าค่า ก่อสร้างจำนวน 11.55 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญา เจ้าหนี้และบริษัทตกลงสละสิทธิเรียกร้องหรือประโยชน์ใด ๆ ที่ ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน เป็นผลให้บริษัทมีผลขาดทุนจำนวน 11.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2543 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำบันทึกข้อตกลงกับเจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง เกี่ยวกับการชำระหนี้ค่าก่อ สร้างสุทธิ 3.37 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญา เจ้าหนี้และบริษัทย่อยดังกล่าวตกลงสละสิทธิเรียกร้องหรือประโยชน์ ใด ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกันเป็นผลให้บริษัทย่อยมีกำไรจำนวน 3.37 ล้านบาท หมายเหตุ 10 - การชำระหนี้สถาบันการเงิน 10.1 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2543 บริษัทและบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้ตกลงที่จะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายให้กับ บรรษัทบริหารสินทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 78.54 ล้านบาท โดยบริษัทและบริษัทย่อยมียอดเงินต้นคงเหลือ ณ วัน ชำระหนี้จำนวน 166.70 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 67.60 ล้านบาท บริษัทได้ชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2543 ทำให้เกิดผลกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวน 155.76 ล้านบาท และ 49.20 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะตามลำดับ 10.2 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2542 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะลูกหนี้ได้ทำบันทึกข้อตกลงการปรับ ปรุงโครงสร้างการชำระหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยมีบริษัทย่อยอีก 2 แห่งเป็นผู้จำนองในฐานะผู้ค้ำ ประกันการชำระหนี้ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 มีหนี้เงินต้นของบริษัทจำนวน 325.30 ล้านบาท และดอกเบี้ย ค้างจ่ายจำนวน 97.43 ล้านบาทและหนี้เงินต้นของบริษัทย่อยจำนวน 15 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 3.92 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญา บริษัทเงินทุนดังกล่าวตกลงรับซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทใหญ่ จำนวน 18 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 90 ล้านบาทและบริษัทใหญ่นำเงินค่าหุ้นที่ได้รับมาชำระ หนี้เงินต้นของบริษัทย่อยจำนวน 15 ล้านบาทและดอกเบี้ยค้างจ่ายถึงวันที่ 31 มีนาคม 2542 จำนวน 2.48 ล้าน บาท เป็นผลให้บริษัทย่อยมีกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้จำนวน 1.44 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปแบ่ง ชำระดอกเบี้ยค้างจ่ายของบริษัทสองส่วน คือ ชำระดอกเบี้ยค้างจ่ายถึง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 จำนวน 61.65 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทใหญ่มีกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้จำนวน 35.78 ล้านบาทและชำระดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2542 จำนวน 10.87 ล้านบาท โดยสถาบันการเงินได้ขยายเวลาครบ กำหนดชำระหนี้สำหรับเงินต้นคงเหลือ และลดอัตราดอกเบี้ยลง และสถาบันการเงินดังกล่าวจะทำการประมูล สิทธิเรียกร้องที่สถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่งมีต่อบริษัทภายในระยะเวลาที่กำหนด ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2543 บริษัทได้ตกลงที่จะชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายให้กับกองทุนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อซึ่งสิทธิเรียกร้องที่ สถาบันการเงินดังกล่าวมีต่อบริษัท โดยบริษัทได้ชำระเป็นเงินสดแล้วจำนวน 24 ล้านบาท และชำระค่า ธรรมเนียมในการชำระหนี้กองทุนจำนวน 1.452 ล้านบาท จากนั้นกองทุนได้โอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้แก่ สถาบันการเงินข้างต้นที่ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับบริษัท เป็นผลให้บริษัทตกลงที่จะชำระเงินกู้และดอก เบี้ยค้างจ่ายให้กับสถาบันการเงินในวันที่ 29 มิถุนายน 2543 โดยบริษัทมียอดเงินต้นคงเหลือ ณ วันชำระหนี้ จำนวน 565.80 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 152.86 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญาบริษัทนำต้น ทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าของบริษัทและที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทย่อย 2 แห่ง ซึ่งเป็น หลักทรัพย์ค้ำประกันโอนชำระหนี้ในมูลค่า 455.86 ล้านบาท และชำระเป็นเงินสดจำนวน 36 ล้านบาท เมื่อได้ ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาแล้วสถาบันการเงินดังกล่าวตกลงปลดหนี้ส่วนที่เหลือทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ บริษัท และจะปลดจำนำหุ้นของบริษัทย่อยที่ใช้เป็นหลักประกันเป็นผลให้บริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 482.66 ล้านบาท และ 170.58 ล้านบาท ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะตามลำดับ 10.3 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2543 บริษัทย่อย 2 แห่ง ได้ตกลงที่จะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายให้กับกองทุนแห่ง หนึ่งซึ่ง เป็นผู้ประมูลซื้อซึ่งสิทธิเรียกร้องที่สถาบันการเงินสองแห่งมีต่อบริษัทย่อย โดยบริษัทย่อยแห่งแรกมียอด เงินต้นคงเหลือ ณ วันชำระหนี้จำนวน 142.06 ล้านบาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยค้างจ่ายอีกจำนวนหนึ่งในเงินต้น ตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญากู้ ส่วนบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งมียอดเงินต้นคงเหลือ ณ วันทำสัญญา 15 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายอีกจำนวนหนึ่งในเงินต้นตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญาเงินกู้ โดยผลสรุปของสัญญาบริษัท ย่อยแห่งแรกต้องชำระเงินกู้ไม่น้อยกว่า 72.36 ล้านบาท พร้อมกับค่าธรรมเนียมการชำระหนี้ของกองทุนจำนวน 0.86 ล้านบาท และบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งต้องชำระเงินกู้ไม่น้อยกว่า 7.64 ล้านบาท พร้อมกับค่าธรรมเนียมการ ชำระหนี้ของกองทุนจำนวน 0.08 ล้านบาท โดยบริษัทย่อยแห่งแรกได้โอนกรรมสิทธิ์ในหลักทรัพย์จำนวน 10 ล้านหุ้นให้แก่กองทุน ในราคาตลาด ณ วันที่ดำเนินการโอนหลักทรัพย์นั้น โดยมีเงื่อนไขตามสัญญาว่ากองทุนจะ นำหลักทรัพย์ดังกล่าวไปจำหน่ายเพื่อนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ และในกรณีที่บริษัทต้องการนำโฉนดที่ดินของ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าซึ่งเป็นหลักประกันเงินกู้ออกจำหน่าย กองทุนจะปลอดจำนองหลัก ประกันดังกล่าว เพื่อให้บริษัทนำไปขายแล้วนำเงินจากการขายมาชำระหนี้ให้แก่กองทุนเป็นจำนวนเงินไม่น้อย กว่า 50 ล้านบาท ซึ่งการปลอดจำนองหลักประกันนี้บริษัทย่อยจะต้องจัดให้มีหนังสือค้ำประกันจากธนาคารว่า จะค้ำประกันการชำระหนี้ให้แก่บริษัทย่อยทั้งสองแห่งเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาท ถ้าหากเงินที่ได้รับ จากการจำหน่ายหลักทรัพย์และที่ดินพร้อมโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนไม่ถึง 80 ล้านบาท ในกรณี ที่กองทุนจำหน่ายหลักทรัพย์แล้วได้มูลค่าสุทธิไม่ครบ 80 ล้านบาท บริษัทย่อยทั้งสองแห่งจะเป็นผู้รับผิดชอบใน มูลค่าของผลต่างดังกล่าว และในกรณีที่การจำหน่ายหลักทรัพย์มีมูลค่าสูงกว่า 80 ล้านบาท กองทุนจะคืนส่วนที่ เป็นผลต่างให้กับบริษัทย่อย โดยสัญญาและเงื่อนไขต่าง ๆ มีกำหนดภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2543 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 บริษัทได้โอนเงินจากการขายที่ดินและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 50 ล้านบาท และส่งมอบหนังสือค้ำประกันจากธนาคารสำหรับหนี้ส่วนที่เหลือให้แก่กองทุนเรียบร้อยแล้ว ในไตรมาสที่ 3 กองทุนนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์บางส่วน และเงินจากการขายโครงการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์มาชำระหนี้เงินกู้ยืมของบริษัทย่อยทั้งสองแห่งรวมจำนวน 72.54 ล้านบาท เป็นผลให้เกิด ขาดทุนจากการปลดหนี้จำนวน 32.03 ล้านบาท 10.4 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 บริษัทในฐานะลูกหนี้และบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะผู้ค้ำประกันได้ทำสัญญาปรับ โครงสร้างหนี้กับธนาคารพาณิชย์ในประเทศแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับการชำระหนี้เงินกู้ยืมซึ่งมียอดคงเหลือ ณ 30 มิถุนายน 2543 จำนวน 16.15 ล้านบาท โดยผลสรุปของสัญญา ชำระโดยการโอนที่ดินรอการพัฒนาของผู้ค้ำ ประกัน จำนวน 11.18 ล้านบาท บริษัทมีผลกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้จำนวน 4.97 ล้านบาท จากการที่ บริษัทย่อยดังกล่าวโอนที่ดินรอการพัฒนาของบริษัทย่อยจำนวน 11.18 ล้านบาท ซึ่งมีราคาตามบัญชี จำนวน 37.66 ล้านบาทนั้น เป็นผลให้บริษัทย่อยมีผลขาดทุนจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้แทนต่อบริษัทใหญ่ จำนวน 26.48 ล้านบาท 10.5 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องการชำระหนี้ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2543 มีหนี้เงินต้นจำนวน 223.42 ล้านบาทและดอกเบี้ยค้าง (ยังมีต่อ)