SET Announcements
16 May 2000
งบการเงินไตรมาสที่1/2543
มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน 395 278 - -
มากกว่า 12 เดือนขึ้นไป 5,971 6,461 21,315 21,574
หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (6,350) (7,058) (1,685) (2,105)
สุทธิ 15,101 6,175 31,145 22,729
หมายเหตุ 7 - เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ
เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิประกอบด้วย
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท
31 มีนาคม 2543 31 ธันวาคม 2542 31 มีนาคม 2543 31 ธันวาคม 2542
บริษัทย่อย
บริษัท ชนชัย จำกัด - - 131,749 129,649
บริษัท แสนภิญโญ จำกัด - - 141,012 141,012
บริษัท ปราคาร จำกัด - - 51,263 51,263
บริษัท ชัยนาท จำกัด - - 254,643 232,948
บริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้
พลัส จำกัด - - - -
บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
บริษัท รีเจนซี่ วรรณ จำกัด 5,000 5,000 - -
รวม 5,000 5,000 578,667 554,872
หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (5,000) (250,000) (250,000)
สุทธิ - - 328,667 304,872
บริษัทให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 8-16.75 ต่อปี
เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกันเป็นเงินให้กู้ยืมที่บริษัทย่อย คือ บริษัท ชนชัย จำกัด ให้กู้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยคิด
ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ MLR ต่อปี
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543 เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระ ได้ดังนี้
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท
เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ
เมื่อทวงถาม - - 578,667 -
มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน - - - -
มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน - - - -
มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน - - - 1,267
มากกว่า 12 เดือน ขึ้นไป 5,000 333 - 12,370
หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (333) (250,000) -
สุทธิ - - 328,667 13,637
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 เงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับแยกตามอายุหนี้ที่ค้างชำระ ได้ดังนี้
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท
เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ เงินต้น ดอกเบี้ยค้างรับ
เมื่อทวงถาม - - 554,872 -
มากกว่า 1 เดือน ถึง 3 เดือน - - - -
มากกว่า 3 เดือน ถึง 6 เดือน - - - -
มากกว่า 6 เดือน ถึง 12 เดือน - - - 1,556
มากกว่า 12 เดือน ขึ้นไป 5,000 333 - 12,081
หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (5,000) (333) (250,000) -
สุทธิ - - 304,872 13,637
หมายเหตุ 8 - การตีราคาที่ดินรอการพัฒนา
ในปี 2542 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาใหม่ โดยผู้ประเมินราคาอิสระซึ่งได้รับความเห็นชอบ
จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยใช้วิธีเปรียบเทียบราคาตลาด สินทรัพย์ส่วนที่ตี
ราคามีดังนี้
ราคาทุน ราคาที่ตีใหม่ ส่วนเกินทุนจากการ
ตีราคาที่ดิน
บาท บาท บาท
ที่ดินรอการพัฒนา :
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 8,197,823.44 37,548,000.00 29,350,176.56
หัก โอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ (8,197,823.44) (37,548,000.00) (29,350,176.56)
รวม - - -
ที่ดินรอการพัฒนา :
บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 110,406,452.36 609,600,000.00 499,193,547.64
บริษัท ปราคาร จำกัด 33,373,390.00 126,420,000.00 93,046,610.00
รวม 143,779,842.36 736,020,000.00 592,240,157.64
ในปี 2542 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ตีราคาที่ดินรอการพัฒนาซึ่งลดลง ดังนี้
ราคาทุน ราคาที่ตีใหม่ ขาดทุนจากการ
ตีราคาที่ดิน
บาท บาท บาท
ที่ดินรอการพัฒนาของบริษัท ชนชัย จำกัด 108,483,464.44 107,231,300.00 1,252,164.44
หัก โอนสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้ (69,951,266.19) (69,875,800.00) (75,466.19)
รวม 38,532,198.25 37,355,500.00 1,176,698.25
รวมที่ดินรอการพัฒนาคงเหลือ 182,312,040.61 773,375,500.00
หมายเหตุ 9 - เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ
เงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543 และ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 ประกอบด้วย
(หน่วย : พันบาท) ผลขาดทุนส่วนล้ำ
ทุนชำระแล้ว สัดส่วน วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย เงินลงทุน
บริษัทย่อย 2543 2542 เงินลงทุน 2543 2542 2543 2542 2543 2542
บริษัท แสนภิญโญ จำกัด 11,000 11,000 99% 14,490 14,490 456,671 456,362 - -
บริษัท ชนชัย จำกัด 90,000 90,000 99% 101,524 101,524 - - (551,594) (626,232)
บริษัท ชัยนาท จำกัด 30,000 30,000 99% 51,950 51,950 - - (325,645) (347,465)
บริษัท ปราคาร จำกัด 1,000 1,000 99% 1,000 1,000 73,875 75,353 - -
บริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด 10,000 10,000 100% 10,000 10,000 10,907 9,785 - -
รวมเงินลงทุนในบริษัทย่อย 178,964 178,964 541,453 541,500 (877,239) (973,967)
บริษัทร่วม
บริษัท คาเธ่ย์ แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด 25,000 25,000 20% 6,000 6,000 6,417 6,400 - -
กองทุนรวมสตาร์วูดไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ 1 604,421 701,194 25% 154,236 178,930 118,510 171,177 - -
รวมเงินลงทุนในบริษัทร่วม 160,236 184,930 124,927 177,577 - -
บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
บริษัท รีเจนซี่ วรรณ จำกัด 200,000 200,000 10% 20,000 20,000 - - - -
หัก ค่าเผื่อการลดมูลค่า (20,000) (20,000) - - - -
รวมเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ - - - - - -
รวมเงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกัน - สุทธิ 339,200 363,894 666,380 719,077 - -
บริษัทมีลักษณะความสัมพันธ์โดยการถือหุ้นและ/หรือมีคณะกรรมการบางท่านร่วมกันกับกิจการที่เกี่ยวข้องกันข้างต้น
โดยส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ยกเว้น บริษัท คาเธ่ย์ แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจ
ด้านที่ปรึกษาทางการเงิน
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542 บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ เป็น บริษัท แสนสิริ
พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2542 ได้มีมติให้บริษัทลงทุนในกองทุนรวม Starwood Thailand
Property Fund 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2542 บริษัทได้ลงทุนในกองทุนดังกล่าวร้อยละ 25 เป็นเงินจำนวน
178.93 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือลงทุนในสิทธิเรียกร้อง
ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน และจัดการผลประโยชน์จาก
อสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิเรียกร้องดังกล่าว ซึ่งได้ประมูลสินทรัพย์หลักกลุ่มที่ 12 ที่มีมูลค่าประมาณ 2,244 ล้านบาท
จากองค์การเพื่อปฏิรูประบบสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงินประมาณ 680.63 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2543 กองทุนรวมดังกล่าวได้ลดจำนวนหน่วยลงทุนลงเป็นผลให้หน่วยลงทุนในเงินลงทุน
ในบริษัทร่วมลดลง 2.42 ล้านหน่วย ซึ่งบริษัทได้รับเงินจากการลดหน่วยลงทุนแล้วจำนวน 33.59 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21
เมษายน 2543
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 มีมติให้บริษัทและบริษัทล๊อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จำกัด
ร่วมกันจัดตั้งบริษัท แสนสิริ ดอท คอม จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 55% ของ
จำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด
บริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนแล้วในวันที่ 26 เมษายน 2543 เป็นจำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
หมายเหตุ 10 - เจ้าหนี้ค่าก่อสร้าง
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2543 เจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทใหญ่ จำนวน 2 รายกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลงชำระหนี้
ซึ่งยังไม่ทราบผลของการเจรจา บริษัทไม่ได้บันทึกหนี้สินดังกล่าวไว้ในบัญชี
หมายเหตุ 11 - การชำระหนี้สถาบันการเงิน
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2543 บริษัทและบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้ตกลงที่จะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายให้กับบรรษัท
บริหารสินทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 78.54 ล้านบาท โดยบริษัทและบริษัทย่อยมียอดเงินต้นคงเหลือ ณ วันชำระหนี้จำนวน
166.70 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 67.60 ล้านบาท บริษัทได้ชำระหนี้ดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 30 มีนาคม
2543 ทำให้เกิดผลกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวน 155.76 ล้านบาท และ 49.20 ล้านบาท ในงบการ
เงินรวมและงบการเงินเฉพาะตามลำดับ
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทในฐานะลูกหนี้ และบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะผู้ค้ำประกันได้ทำบันทึกข้อตกลง
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการชำระเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างจ่ายซึ่งมียอดคงเหลือ
ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2542 เป็นจำนวนรวมประมาณ 26.74 ล้านบาท โดยลูกหนี้และผู้ค้ำประกันตกลงชำระเป็น
เงินสดจำนวน 1.99 ล้านบาท และชำระโดยที่ดินรอการพัฒนาของผู้ค้ำประกันจำนวน 20.07 ล้านบาท บริษัทมีผลกำไร
จากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2542 จำนวน 4.68 ล้านบาท จากการที่บริษัทย่อยดังกล่าวโอนที่ดินรอ
การพัฒนาของบริษัทย่อยจำนวน 20.07 ล้านบาท ซึ่งมีราคาตามบัญชี จำนวน 34.51 ล้านบาทนั้น เป็นผลให้
บริษัทย่อยมีผลขาดทุนจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้ที่มีต่อบริษัทใหญ่ จำนวน 14.44 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2542 บริษัทเงินทุนแห่งหนึ่งในฐานะเจ้าหนี้ได้ดำเนินการฟ้องร้องบริษัทในฐานะผู้ค้ำประกันและ
บริษัทย่อยแห่งหนึ่งในฐานะลูกหนี้ เนื่องจากบริษัทย่อยได้ผิดสัญญากู้ยืมเงิน โดยยอดหนี้ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้องจำนวน
29.548 ล้านบาท คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2542 บริษัทในฐานะผู้ค้ำประกันและ
บริษัทย่อยดังกล่าวได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และข้อตกลงการชำระหนี้จำนวนเงินทั้งสิ้น 30.683 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
เงินต้นจำนวน 20 ล้านบาทและดอกเบี้ยค้างจำนวน 10.683 ล้านบาท บริษัทย่อยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ใน
ราคาทุน 3.87 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้จำนวน 2.28 ล้านบาท ส่วนที่เหลือชำระด้วยเงินสดจำนวน 20.03 ล้านบาท
ภายใต้เงื่อนไขว่าเงินสดจำนวน 16.03 ล้านบาท เจ้าหนี้จะนำเงินที่ได้รับดังกล่าวมาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท
จำนวน 1,603,351 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็นผลให้บริษัทย่อยมีกำไรจากการโอนทรัพย์สินชำระหนี้จำนวน
6.78 ล้านบาท
หมายเหตุ 12 - หนี้สินระยะยาว
หนี้สินระยะยาว ประกอบด้วย
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะของบริษัท
31 มีนาคม 2543 31 ธันวาคม 2542 31 มีนาคม 2543 31 ธันวาคม 2542
เงินกู้ยืมจากบริษัทการเงิน 280,605 338,697 - -
หัก ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนด
ภายในหนึ่งปี (280,605) (338,697) - -
- - - -
บริษัทย่อย
- เงินกู้ยืมจากบริษัทการเงิน วงเงิน 12 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำหนดชำระคืนเงินต้นภายในปี 2540 และชำระ
ดอกเบี้ยทุกสามเดือนในอัตรา LIBOR+3.5% ต่อปี โดยกู้เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเพลินจิต
- เงินกู้ยืมระยะยาว ได้แก่ เงินกู้ยืมจากบริษัทการเงินวงเงิน 275 ล้านบาท มีกำหนดชำระคืนเงินต้นภายในปี
2541 และชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือนในอัตรา MLR+0.5% ต่อปี โดยกู้เพื่อพัฒนาโครงการบ้านสี่ทิศ
- เงินกู้ยืมระยะยาว ได้แก่ เงินกู้ยืมจากบริษัทการเงินวงเงิน 476 ล้านบาท มีกำหนดชำระคืนเงินต้นภายใน 12 ปี
นับแต่วันที่ลงนามในสัญญาเงินกู้ โดยมีระยะเวลาการปลอดชำระเงินต้น 3 ปี และชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือน
ในอัตรา MLR+1% ต่อปี โดยกู้เพื่อพัฒนาโครงการหลังสวน
ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี แสดงไว้ภายใต้หนี้สินหมุนเวียน
หมายเหตุ 13 - ทุนเรือนหุ้น
บริษัทใหญ่
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2541 มีมติให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม
945,500,000 บาท เป็น 697,375,060 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่บริษัทยังมิได้นำออกจำหน่าย จำนวน
24,812,494 หุ้น และมีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 697,375,060 บาท เป็น 3,312,991,260 บาท โดยการ
ออกหุ้นใหม่เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 261,561,620 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท รวม 2,615,616,200 บาท โดยจัดสรรหุ้น
เพิ่มทุนที่ออกใหม่ดังนี้
1. จำนวน 258,074,745 หุ้น เพื่อทำการเสนอขายทั้งหมดหรือแบ่งเป็นส่วน ๆ เพื่อเสนอขายเป็นคราว ๆ ให้แก่ผู้ลงทุน
โดยเฉพาะเจาะจงซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 35 ราย ภายในรอบระยะเวลา 12 เดือน และ / หรือเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุน
ประเภทสถาบันจำนวน 17 ประเภท ตามประกาศ ก.ล.ต. ในกรณีที่หุ้นเหลือจากการเสนอขายดังกล่าวให้เสนอ
ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นและในกรณีที่ยังคงมีเศษของหุ้นที่เหลือจากการเสนอขายผู้ถือหุ้น
เดิมตาม สัดส่วนอีกให้เสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทโดยในส่วนของวัน เวลา จองซื้อและ
ชำระเงินค่าหุ้นให้เป็นไปตามดุลยพินิจของคณะกรรมการ
2. ส่วนที่เหลือจำนวน 3,486,875 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้นตามโครงการออกและเสนอขายใบสำคัญ
แสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทในวงจำกัด ซึ่งบริษัทได้จดทะเบียนลด
ทุนและเพิ่มทุนแล้ว เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2541 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจำนวน 16,904,375 บาท
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2542 และจำนวน 205,000 บาท เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2542
นอกจากนี้มีมติให้บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ในราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนไว้ คิดเป็นราคาเสนอขาย
หุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่เท่ากับมูลค่าหุ้นละ 5 บาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2542 มีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 250,000 หุ้น ในราคา
หุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,250,000 บาท ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศแห่งหนึ่ง บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่ม
ทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2542 มีมติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 30 ล้านบาทโดยแบ่ง
เป็นหุ้นสามัญ 6 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 5 บาท ให้แก่นิติบุคคลต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ตามประกาศ
ก.ล.ต. บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2542
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2542 มีมติให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม 3,312,991,260
บาท เป็น 794,743,810 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่บริษัทยังมิได้นำออกขาย จำนวน 251,824,745 หุ้น และมีมติ
ให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 794,743,810 บาท เป็น 13,294,143,810 บาท โดยการออกหุ้นใหม่
1,249,940,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 478,840,000 หุ้น ซึ่งจะต้องออกในราคา
ที่ไม่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และหุ้นสามัญจำนวน 771,100,000 หุ้นซึ่ง จะต้องออกในราคาหุ้นละ
5 บาท โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ดังนี้
1.1 จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 8,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ Starwood Thailand Corporation ในราคา
หุ้นละ 5 บาท
1.2 หุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจำนวน 1,241,940,000 หุ้น ให้ดำเนินการจัดสรรดังนี้
(1) ให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 478,840,000 หุ้น ในราคาที่ไม่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นละ 10 บาท
(2) ให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 763,100,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท
โดยให้จัดสรรหุ้นจำนวนดังกล่าวทั้งหมดคราวเดียว หรือแบ่งเป็นส่วน ๆ เพื่อเสนอขายเป็นคราว ๆ ให้แก่ผู้ลงทุนประเภท
สถาบันจำนวน 17 ประเภท และ/หรือเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจงใด ๆ ซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 35 ราย ภายใน
รอบระยะเวลา 12 เดือน ตามข้อ 2 ของประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการขอ
อนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่และการอนุญาต และ
(3) ให้คณะกรรมการเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจกำหนดรายละเอียดในการจัดสรรหุ้น
บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วที่เสนอขายให้แก่ Starwood Thailand Corporation แล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน
2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2542 มีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 41,353,846 หุ้น มูลค่า
หุ้นละ 10 บาท ให้แก่ผู้ลงทุนประเภทสถาบันจำนวน 17 ประเภท ตามประกาศ ก.ล.ต. โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่
ดังนี้
1. บริษัทจะเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 19,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่ธนาคารแห่งหนึ่ง
ในราคาหุ้นละ 5 บาท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2542
2. บริษัทจะเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 4,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่บริษัทแห่งหนึ่ง
ในราคาหุ้นละ 5 บาท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2542
3. บริษัทจะเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 18,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่บริษัทเงินทุนแห่ง
หนึ่ง ในราคาหุ้นละ 5 บาท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้วเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน 2542
4. บริษัทจะเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 353,846 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง
ในราคาหุ้นละ 5 บาท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2542 มีมติเสนอขายหุ้นออกใหม่จำนวน 216,300 หุ้น โดยแบ่ง
เป็นหุ้นจำนวน 142,758 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท และหุ้นจำนวน 73,542 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวนเงิน
ทั้งสิ้น 1,449,210 บาท ให้แก่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงตามประกาศ ก.ล.ต. บริษัทได้จดทะเบียน
เพิ่มทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2542 มีมติเสนอขายหุ้นออกใหม่จำนวน 98,786,000 หุ้น มูลค่า
หุ้นละ 10 บาท ให้แก่ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน 17 ประเภทตามประกาศ ก.ล.ต. โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ดังนี้
1. ออกหุ้นจำนวน 90,486,000 หุ้น เพื่อเสนอขายในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 6 บาท โดยแบ่งออกเป็น
(1) จำนวน 38,236,000 หุ้น (ซึ่งประกอบด้วยหุ้นที่ออกและเสนอขายในราคาหุ้นละ 5 บาท จำนวน
30,588,800 หุ้น และหุ้นที่ออกและเสนอขายในราคาหุ้นละ 10 บาท จำนวน 7,647,200 หุ้น) ให้ออกและ
เสนอขายในประเทศไทย และ
(2) จำนวน 52,250,000 หุ้น (ซึ่งประกอบด้วยหุ้นที่ออกและเสนอขายในราคาหุ้นละ 5 บาท จำนวน
41,800,000 หุ้น และหุ้นที่ออกและเสนอขายในราคาหุ้นละ 10 บาท จำนวน 10,450,000 หุ้น) ให้ออกและ
เสนอขายนอกประเทศไทย
โดยภายใต้เงื่อนไขการเสนอขายหุ้นตามสัดส่วนนี้ ผู้จองซื้อหุ้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะต้องจองซื้อหุ้นในราคา
หุ้นละ 10 บาท จำนวน 2 หุ้น จึงจะมีสิทธิจองซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 5 บาท จำนวน 8 หุ้น
2. ออกหุ้นจำนวน 8,300,000 หุ้น เพื่อเสนอขายในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 8 บาท โดยแบ่งออกเป็น
(1) หุ้นที่ออกและเสนอขายในราคาหุ้นละ 5 บาท จำนวน 3,320,000 หุ้น และ
(2) หุ้นที่ออกและเสนอขายในราคาหุ้นละ 10 บาท จำนวน 4,980,000 หุ้น ให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 3 บริษัทที่
ไม่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย และนำเงินลงทุนมาจากต่างประเทศ โดยมีผู้ดูแลหรือจัดการเงินลงทุนให้
ซึ่งเป็นผู้ลงทุนประเภทสถาบันหรือที่มีลักษณะเฉพาะ 17 ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.
บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2542 มีมติให้จัดสรรหุ้นที่ออกใหม่ จำนวน 21,200,000 หุ้น
(ซึ่งประกอบด้วยหุ้นที่ออกและเสนอขายในราคาหุ้นละ 5 บาท จำนวน 16,960,000 หุ้น และหุ้นที่ออกและเสนอขายใน
ราคาหุ้นละ 10 บาท จำนวน 4,240,000 หุ้น) ให้แก่นิติบุคคล 22 ราย ซึ่งเป็นผู้ลงทุนประเภทสถาบัน 17 ประเภท ตาม
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 1,200,000 หุ้น ของจำนวนหุ้นที่จัดสรรทั้งหมดให้เสนอขาย
ภายนอกประเทศไทย บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนที่ชำระแล้วเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2542 มีมติให้
1. จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทดังต่อไปนี้
(1) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,603,351 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อเสนอขายเป็นการ
เฉพาะเจาะจง ให้แก่ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ในราคาหุ้นละ 10 บาท บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่ม
ทุนชำระแล้วเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2542
(2) บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่
ธนาคารพาณิชย์ในประเทศแห่งหนึ่ง โดย วัน เวลา จองซื้อ และชำระเงินให้เป็นไปตามดุลยพินิจของ
คณะกรรมการ บริษัทได้เพิ่มทุนชำระแล้วเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2542
2. แก้ไขเพิ่มเติมมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกโดยอาศัยมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 4/2542 เมื่อวันที่ 9
เมษายน 2542 และมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2542 โดยให้จัดสรรหุ้นสามัญจำนวน 8,779,400 หุ้น
ในราคาหุ้นละ 5 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้นตามโครงการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่
จะซื้อหุ้นให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทในวงจำกัดครั้งที่ 2 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว
จำนวน 6,830,000 บาท เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2542 มีมติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 8,000,000หุ้น
ในราคาหุ้นละ 5 บาท ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 4/2542 และตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่
1/2542 ให้แก่ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน 17 ประเภท ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุน
ชำระแล้วเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2543
บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2543 และ 7 กุมภาพันธ์ 2543 จำนวน 5,575,000
บาท และ 4,909,000 บาท ตามลำดับ ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 4/2542 และมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือ
หุ้นครั้งที่ 1/2542 โดยให้จัดสรรหุ้นสามัญเพื่อรองรับการใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้นตามโครงการออกและเสนอขายใบ
(ยังมีต่อ)